- Advertisement -

การที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้ยืดเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล ออกไปอีกเป็นเวลา 3 เดือน เท่ากับว่ากำลังการผลิตจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายปี

ขณะที่รัสเซียก็ขยายเวลาการลดการส่งออก 300,000 บาร์เรลต่อวัน ออกไปจนถึงสิ้นปีเช่นกัน

ความตึงตัวของตลาดน้ำมันจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่กลับมาอีกครั้ง

แม้จะมีความกังวลเรื่องความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจ และการชะลอตัวของประเทศจีน แต่สิ่งที่เริ่มประจักษ์มากขึ้น คือ ราคาน้ำมันดิบเบรนด์ค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อีกครั้ง ในรอบกว่า 9 เดือน

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ FED กับการคาดหวังจากเสียงส่วนใหญ่ของโลก ว่าอีกแค่อึดใจเดียว เฟดน่าเริ่มส่งสัญญาณยุติดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว

- Advertisement -

ในทางกลับกันอาจจะไม่ใช่ การกลับมาเร่งตัวขึ้นของราคาน้ำมันอีกครั้ง ประกอบกับความไม่แน่นอนจากความไม่สมมาตรกันระหว่าง demand และ supply ตามรายงานของ Goldman Sachs ที่ว่า ตลาดน้ำมันทั่วโลกกำลังเผชิญกับ “การขาดแคลนจำนวนมาก” ที่ 2.3 ล้านล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาสนี้ และหากในอนาคตข้างหน้าความขาดแคลนยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ อาจจะไม่ใช่กระบอกเสียงที่ดีนัก ที่ FED จะผลีผลามส่งสัญญาณใด ๆ เพื่อเป็นการยุติดอกเบี้ยในการประชุมช่วง 1-2 ครั้งถัดไปนี้เป็นแน่

ดังนั้น key factors หลังจากนี้ อาจไม่ใช่ OPEC+ ผลิตน้อยลง หรือ ผลิตมากขึ้น แต่การจะลดราคาน้ำมันลงมาให้ได้นั้น ต้องทำให้ supply มากกว่า demand เหมือนก่อนช่วง Q2 ปี 2023 จากที่ทั่วโลกเคยบริโภคกันวันละ 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน ผลิต 102 ล้านบาร์เรล และมี stock เหลือเก็บ แต่ดูเหมือนเทรนด์โลกจะมีความต้องการมากขึ้นจากฤดูหนาวที่กำลังใกล้มาเยือน และกระแสความต้องการลด supply ของ OPEC+ อย่างน้อยก็ 3 เดือนต่อจากนี้ ก็อาจจะไม่ค่อยง่ายนักสำหรับ Q4 ปี 2023 ที่กำลังมาถึง

อ้างอิงที่มา : ShiningGold

- Advertisement -