ทองคำยังซึมต่อจากพิษมาตรการภาษี gold spot ร่วงทดสอบ $2,970 ทองไทยได้เงินบาทอ่อน 34.53 บาทช่วยไว้

ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com

ราคาทองคำไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนมาก หลังได้ทำ ATH ที่ 51,250 บาท ก่อนจะถูเทขายจนมาปิดสัปดาห์ที่ 49,700 บาท ก่อนที่ช่วงเช้าวันนี้จะยังทรงตัว

หลังจากที่ สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาแรกของวันเพิ่มขึ้น 150 บาท แต่หลังจากนั้นปรับลดลงครั้งละ 50 บาท 3 ครั้ง

ทำให้ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 ณ เวลา 10.20 น. อยู่ที่ 49,700 บาท ส่วนราคารับซื้อ 49,600 บาท ขณะที่ราคาทองรูปพรรณราคาขายออก 50,500 บาท ส่วนราคารับซื้อ 48,709.08 คำนวณจากเงินบาทที่ 34.53 บาทต่อดอลลาร์

โดยราคาทองไทยยังได้แรงหนุนจากเงินบาทที่อ่อนค่า หลุดแนวรับสำคัญที่ 34.50 บาท โดยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของสงครามการค้า (หลังจีนประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าที่มาจากสหรัฐฯ มีผล 10 เม.ย.) และสัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด

ไปดูการเคลื่อนไหวราคาทองคำ gold spot สัปดาห์ที่ผ่านมาก็เคลื่อนไหวผันผวนหนักเช่นกัน โดยขึ้นไปทำ All-time high ที่ระดับ 3,167 ดอลลาร์ หลัง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเดินหน้าเก็บภาษีประเทศคู่ค้า ทั้งที่เป็นภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาลมีผลบังคับใช้ในวันเสาร์ที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา และภาษีศุลกากรตอบโต้ซึ่งมุ่งเป้าไปที่คู่ค้าของสหรัฐฯ ประมาณ 60 ประเทศ จะมีผลบังคับใช้ในวันพุธที่ 9 เม.ย. ก่อนที่ทองคำจะถูกเทขายอย่างหนักในช่วงวันพฤหัสและศุกร์จนมาปิดสัปดาห์ที่ 3,037 ดอลลาร์ โดยรวมลดลงไป 47 ดอลลาร์ หรือ 1.52%

ขณะที่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ราคาได้ลงไปทดสอบระดับ 2,970 ดอลลาร์ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมายืนเหนือ 3,000 ดอลลาร์

ทั้งนี้นักลงทุนพากันทิ้งสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความวิตกว่ามาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์ จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเจพี มอร์แกน ประเมินว่าภาษีทรัมป์ที่ประกาศใช้ถือว่าเป็นการปรับเพิ่มมากสุดนับตั้งแต่ปี 1968 และมีโอกาส 60% เสี่ยงทำเศรษฐกิจโลกถดถอยในปีนี้ ซี่งเป็นแรงกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ขณะที่ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีของ ปธน.ทรัมป์ สูงเกินคาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจตามมาทั้งเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง ซึ่งน่าจะรุนแรงกว่าที่คาดไว้เช่นกัน

สัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญต้องติดตาม วันพุธที่ 9 เมษายน รายงานการประชุม ของ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เมื่อวันที่ 18-19 มี.ค. ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน มีตัวเลจจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ปิดท้ายในวันศุกร์ที่ 11 เมษายน มีตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน มี.ค. และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

มุมมองการลงทุนจากบริษัทค้าทองคำในไทย ทาง Shining Gold กล่าวว่า

ราคาทองคำสูญเสียภาวะเชิงบวกทางเทคนิคระยะสั้น และมีความเสี่ยงต่อการพักฐานอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางผู้ประท้วงรวมตัวกันต่อต้าน ปธน.ทรัมป์ และอีลอน มัสก์

ในทางเทคนิคระวังจุดเปลี่ยนสำคัญ 2,985-80 ดอลลาร์ หากราคายังรักษาฐานนี้ได้อยู่ ลุ้นการรีบาวน์เล่นรอบ แต่หากหลุดแนวดังกล่าวมีโอากาสพักฐานต่อเนื่องควรระวัง

โดยกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น ทุกสินทรัพย์โดน panic sell หมดในช่วงเช้าวันนี้ แนะนำ wait &see รอให้ตลาดนิ่งมากกว่านี้ค่อยกลับเข้ามาลงทุนใหม่ โดยให้ แนวรับที่ 2,980/2,953 และ 2,920 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 3,016/3,030 และ 3,072 ดอลลาร์

ขณะที่ เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ มองว่า

ราคา gold spot เคลื่อนไหวผันผวนในเชิงลบตอบรับประเด็นภาษีจากสหรัฐฯ โดยปรับตัวลงอย่างรุนแรงจากจุดสูงสุดตลอดกาลกว่า 150 ดอลลาร์ และเกิดเป็นสัญญาณกลับตัวในแท่งเทียนรายสัปดาห์ สัปดาห์นี้ยังคงลุ้นรีบาวน์เพื่อลงต่อได้อีก หากราคาไม่ทะลุเหนือ 3,100 ดอลลาร์

โดยมีโซนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 3,070-3,080 ดอลลาร์และ3,095-3,105 ดอลลาร์ พิจารณาขายทำกำไรที่โซนดังกล่าวเพื่อปรับลดความเสี่ยงลง ส่วนโซนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 3,010-2,995 ดอลลาร์ และ2,930-2,880 ดอลลาร์ พิจารณาเข้าซื้อ ณ โซนดังกล่าวหากมีสัญญาณกลับตัวเพื่อเล่นรีบาวน์

ส่วนราคาทองคำไทยให้แนวรับที่ 49,100-49,000 บาท และ 48,600-48,500 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 49,900-50,000 และ50,200-50,300 บาท

ปิดท้ายที่  ฮั่วเซ่งเฮง มองว่า

แม้ว่าราคาทองคำเช้านี้จะย่อตัวลงต่อจากแนวโน้มในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็สามารถฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับสำคัญที่ 2,980 ดอลลาร์ขึ้นมาได้ พร้อมกับแรงหนุนจากปัจจัยเชิงเทคนิค ในสัปดาห์นี้ราคาจึงอาจมีแนวโน้มฟื้นตัวจากแนวรับสำคัญดังกล่าว

รับชมคลิป