Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

เกาะติดทิศทางทองคำ 21-25 ส.ค.66 พูดคุยกับคุณพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ CEO YLG Bullion

- Advertisement -

12,447

- Advertisement -

เกาะติดทิศทางราคาทองคำรอบสัปดาห์ 21-25 ส.ค.66

สัมภาษณ์พิเศษ คุณพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล (YLG Bullion)

YLG มองทองคำระยะยาวยังสดใส สัปดาห์นี้รอดูท่าทีประธานเฟดจากแจ็คสันโฮล อาจทุบทองคำหลุด $1,850 หรือดันทะลุ $1,910

ดำเนินรายการโดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com

.

- Advertisement -

รับชมคลิป เกาะติดทิศทางราคาทองคำรอบสัปดาห์

คุณพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล (YLG Bullion) กล่าวกับ GoldAround ว่า

ในสัปดาห์นี้ต้องจับตาการประชุมประจำปีของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ที่เมืองแจ็คสัน วิลล์ รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-25 ส.ค. ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะจะมีประธารธนาคารกลางจากทั่วโลกมาร่วมงาน และนักลงทุนรอฟังสัญญาณจากประธานเฟดว่า หลังจากนี้เฟดจะมีนโยบายการเงินอย่างไรต่อไป

เพราะก่อนหน้านี้ประธานเฟดได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และได้ขึ้นไปแล้ว 1 ครั้ง ในการประชุมเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ทำให้จะเหลืออีก 1 ครั้ง

หากประธานเฟดมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ดีพอ มีโอกาสที่จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไปในเดือน ก.ย. และต้องไปดูกันอีกครั้งว่า ในการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งจะปรับขึ้นหรือไม่

- Advertisement -

แต่ถ้าไปดูจาก dot plot ที่นำความเห็นของประธานเฟดแต่ละสาขาคนแล้วมาประเมิน ก่อนที่จะมีความเห็นของประธานเฟดในตอนสรุป ระบุว่าดอกเบี้ยควรจะขึ้นไปอยู่ที่ 5.6% แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 5.25-5.5% ดังนั้น จึงมีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้ง ซึ่งเรื่องนโยบายดอกเบี้ยของเฟด จะเป็นจุดแรกที่ต้องจับตามอง

อย่างไรก็ดี ถ้าไปดูผลสำรวจของ FED Watch Tool ของ CME Group นักวิเคราะห์ทั่วไปให้น้ำหนัก เกือบ 90% ว่า ดอกเบี้ยที่ระดับ 5.5 % เป็นระดับที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นจึงมองว่าจะไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยอีกแล้ว และอาจจะมีการลดดอกเบี้ยในช่วงกลางปีหน้า

เพราะฉะนั้น ถ้าประธานเฟดชัดเจนเลยว่าไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกแล้ว ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ถ้าคำพูดประธานเฟด ยังคุลมเครือคาดว่าราคาทองคำอาจจะเคลื่อนไหวไซด์เวย์ต่อไป

จากนั้นต้องมาดูปัจจัยทางเทคนิค ถ้าพล็อตกราฟตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน จะเห็นว่า ในระยะสั้นถึงกลาง ทองคำยังเป็นเทรนด์ขาลง ซึ่งต้องไปดูว่าราคาจะหลุดแนวรับใหญ่ 1,870-1,878 ดอลลาร์หรือไม่ ถ้าหลุดไป แนวรับถัดไปจะอยู่แถว 1,850-1,858 ดอลลาร์ แต่ถ้าไม่หลุดลงไป มีโอกาสที่ราคาดีดขึ้นกลับมาได้ แต่ถ้ายังรับไม่อยู่มีโอกาสลงไปทดสอบ 1,804-1,805 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาเปิดตลาดเมื่อต้นปี

แต่ถ้าแนวรับ 1,850 ดอลลาร์ รับอยู่ ราคาจะดีดกลับ โดยมีแนวต้านแรกที่ 1,910 ดอลลาร์ ถ้ายังขึ้นไปได้ต่อ แนวต้านถัดไปจะอยู่แถว 1,947-1,950 ดอลลาร์ ถ้าไม่สามารถเบรกขึ้นไปได้ แนวดังกล่าวจะเป็นจุดขายทำกำไร

“ทั้งนี้ อยากให้มองแนวรับ-ต้าน กรอบประมาณ 100 ดอลลาร์ ถ้าราคาไม่เบรกฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ก็เป็นการเทรดระยะสั้น แต่ถ้าเบรค 1,850 ลงไป จะมีมุมมองเชิงลบต่อราคาทองคำมากขึ้น หรือถ้าเบรค 1,950 ดอลลาร์ไปได้ กฺ็จะมีมุุมมองเชิงบวก มีโอกาสไปต่อค่อนข้างสูง” คุณพวรรณ์ฯ กล่าว

นอกจากนั้น ยังต้องมองปัจจัยอื่น ๆ ประกอบ เช่น การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งปีที่แล้วซื้อมากกว่า 2,000 ตัน ปีนี้ซื้อเข้าแล้วกว่า 1,000 ตัน โดยประเทศหลัก ๆ ที่ซื้อทองคำ ก็คือ ประเทศที่ยังมีทองคำเป็นทุนสำรองปริมาณไม่มาก หรือประเทศที่ถูกแทรกแซงจากสหรัฐฯ อาทิ รัสเซีย รวมถึงประเทศที่ถือดอลลาร์เป็นทุนสำรองปริมาณมาก อย่างจีนก็พยายามจะลดปริมาณการถือครองดอลลาร์ลง และหันมาถือคอรงทองคำแทน เพราะถือเป็นสินทรัพย์กลางไม่ได้ไปผูกโยงกับประเทศใด ๆ

ตัวต่อไปที่ต้องจับตามอง ก็คือ การถือครองของ กองทุน ETF ทองคำทั่วโลก โดยเฉพาะ SPDR ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมาถึงปัจจุบัน SPDR ถือครองทองคำลดลงเรื่อย ๆ ปัจจุบันต่ำกว่า 900 ตันแล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของนักลงทุนทั่วไปที่ขาดความเชื่อมั่นต่อทองคำ แต่ถ้าปริมาณการถือครองกลับมาเป็นบวก ก็เป็นเป็นมุมมองเชิงบวกต่อตลาดทองคำได้

“ทั้ง 3 ปัจจัย ถือเป็นปัจจัยหลัก ที่นักลงทุนต้องมอนิเตอร์เพื่อดูว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางไหน ซึ่งตอนนี้นักลงทุนสถาบันก็คือธนาคารกลางยังคงซื้อ แต่นักลงทุนรายย่อยยังคงขาย เพราะได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์ ที่ยังคงแข็งค่าหลังจากที่เฟดได้มีการปรับเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ทั้งนี้ แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีราคาทองคำจะขึ้นไปทำนิวไฮที่ 2,078 ดอลลาร์ แต่ผลตอบแทนยังน้อยกว่าดอลลาร์ ทำให้เม็ดเงินยังไหลไปหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ขณะที่ กลุ่มสถาบันแม้ว่าราคาทองปรับลด ก็ยังคงซื้อเพราะจะมองการลงทุนระยะยาวเป็นหลัก” คุณพวรรณ์ฯ กล่าว

ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับลงลดลง แต่เป็นลักษณะของไซด์เวย์ดาวน์ โดยแรงขายยังคงมากกว่าแรงซื้อ แต่ไม่ถือว่าเยอะมาก แต่ราคาทองคำได้หลุดเส้นแนวรับสำคัญ ๆ 50 วัน 100 วัน 200 วัน ทำให้แนวโน้มไม่สู้ดี ในทางกลับกัน หากราคาทองคำกลับมายืนเหนือเส้นต่าง ๆ ได้ จะทำให้แนวโน้มกลับมาดูดี ส่วนการประชุมที่เมืองแจ็คสันโอลจะดันราคาไปฝั่งไปไหน ขึ้นอยู่กับถ้อยแถลงของประธานเฟด จะชัดเจนมากน้อยเพียงไร

ส่วนตัวมองว่า ระยะสั้นกับกลาง ทองคำยังเป็นแนวโน้มขาลง แต่ถ้าจะดูเทรนด์ในระยาวยาว ยังคงเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน แต่ทั้งนี้หากว่าราคาทองคำจะหลุดระดับ 1,804 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาเปิดต้นปี อาจจะทำให้แนวโน้มขาลงแข็งแรงขึ้น แต่เชื่อว่าจะไม่หลุดลงไปลึก เนื่องจากมีแรงซื้อจากแบงค์ชาติทั่วโลกคอยรอรับซื้ออยู่ ปีที่แล้ว 2,200 ตัน ปีนี้ 1,000 กว่าตัน ทำให้ราคาทองคำลงไม่ลึก

- Advertisement -

Comments are closed.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More