คุยกับคุณศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา บจ.ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ดำเนินรายการโดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com

gold spot กลับมา sideway รอเลือกททาง หลังหลายสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หากย่อตัวพักฐานอีกรอบแนะสะสมเพิ่ม

คุณ ศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บจ.ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส ให้มุมมอง

และวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นด้านการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และความไม่แน่นอนของการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

1. การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน โดยความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีแนวโน้มที่จะลดน้อยลง เนื่องจากผู้นำทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้า สินค้าจากจีนลงจาก 57% เหลือ 47% แลกกับจีนลดมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก เป็นเวลา 1 ปี และกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ

2.ศาลสูงสหรัฐฯ จะนัดไต่สวนคดีภาษีการค้าของ ปธน.ทรัมป์ในวันที่ 5 พฤศจิกายน หลังจากศาลชั้นต้นเคยตัดสินว่า การที่ ปธน.ทรัมป์ใช้อาจไปเก็บภาษีในวงกว้างนั้น เป็นการใช้อำนาจเกินควร ทั้งนี้แม้ว่าในวันที่ 5 พ.ย.ศาลฎีกาจะแค่ไต่สวนผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่จะสร้างความไม่แน่นอนให้กับประเด็นสงครามการค้าอีกครั้ง และสุดท้ายหากศาลตัดสินว่าการใช้อำนาจของ ปธน.ทรัมป์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจส่งผลให้ต้องมีการเจรจาหรือใช้กฎหมายอื่นมาแทน

3.มาตรการควบคุมการซื้อทองคำในจีน หลังมีรายงานข่าวในช่วงสุดสัปดาห์ว่ารัฐบาลจีนได้ยกเลิกนโยบายมาตรการปลอดภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการซื้อขายทองคำ ทำให้คนจีนที่ซื้อทองคำแพงขึ้น และอาจส่งผลให้ความต้องการทองคำในจีนลดลง และอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในตลาดโลก เพราะจีนถือเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก

4.สถานการณ์ US Government Shutdown ที่ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 33 จากสถิติเดิมที่ 35 วัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ ที่สำคัญยังทำให้ไม่สามารถประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้ ซึ่งตามกำหนดในสัปดาห์นี้จะต้องมีการประกาศตัวเลขการจ้างงาน โดยเฉพาะ Non-Farm Payrolls ในวันศุกร์นี้ ต้องมารอดูว่าจะยังต้องเลื่อนออกไปอีกหรือไม่

ทั้งนี้สำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ (CBO) ได้คาดการณ์ว่า การปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้วอย่างน้อย 18,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ และหากสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะชัตดาวน์ต่ออีก 6 และ 8 สัปดาห์ GDP ของสหรัฐฯ ในไตรมาส 4 ปีนี้ อาจสร้างความเสียหายเพิ่มเติมถึง 28,000 ล้านดอลลาร์ และ 39,000 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

มุมมองทางเทคนิคราคาทองคำ gold spot ได้ปรับตัวลงมาแล้วติดต่อกัน 2 สัปดาห์ หลังจากที่ทำจุดสูงสุดตลอดกาล (All-Time High: ATH) ที่ระดับ 4,381ดอลลาร์ โดยมองว่าถึงแม้สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดจะปิดไม่ค่อยสวยงามนัก แต่ก็ยังเป็นการปิดที่บวกแรงอยู่ โดยแนวโน้มระยะสั้นคาดว่าราคาจะสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ในเดือนนี้ ส่วนแนวโน้มระยะกลาง-ยาว หากจะมองข้ามช็อตไปถึงเดือนธันวาคม และมกราคม ยังคงคิดว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นได้ ตามความต้องการในช่วงฤดูกาล สำคัญ

มาดูกลยุทธ์การลงทุน gold spot ยังแนะนำซื้อ-ขายในกรอบ โดยให้แนวรับระหว่างวันที่ 3,915 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 4,020 ดอลลาร์ ส่วนระยะยาวให้แนวรับที่ 3,800 – 3,850 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 4,100 ดอลลาร์ ทั้งนี้หากราคาปรับลงทดสอบ 3,800 – 3,850 ดอลลาร์ น่าสนใจซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว

ส่วนราคาทองคำแท่ง 96.5 ให้แนวรับแรก 60,550 บาท และแนวรับสำคัญที่ 59,000 – 59,500 บาท ขณะที่แนวต้านแรกอยู่ที่ 61,700 บาท และแนวต้านสำคัญที่ 62,300 บาท ช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำไทยถูกกดดันเพิ่มเติมจากเงินบาทที่แข็งค่าควบคู่ไปกับ ราคาgoldspot ที่ปรับลดลง แต่ปัจจุบันเงินบาทเริ่มทรงตัวได้

รับชมคลิป