- Advertisement -

ชี้ gold spot บวกต่อ แต่ไม่ร้อนแรงเท่าปีก่อน แนวต้านระดับ $3,000 ไม่ไกลเกินฝัน ตัวแปรสำคัญ คือ นโยบายทรัมป์ฯ

คุณภัทริน วชิรคพรรณ Chief Operation Officer บจ.เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ กล่าวกับ GoldAround ว่า

ราคาทองคำยังปรับตัวสูงขึ้นหลังจากเปิดปีใหม่มา จนกระทั่ง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นรับตำแหน่งราคาก็ยังพุ่งทะยานต่อเนื่อง

โดยเล่งหงษ์ฯ มองว่า ปีนี้น่าจะเห็นราคาทำจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ หากว่าราคาสามารถยืนเหนือ 2,790 ดอลลาร์ ได้ มีโอกาสพุ่งไปถึง 3,000 ดอลลาร์ ตามที่ธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่งประเมินไว้ อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะไปถึง 3,000 ดอลลาร์ ราคาอาจจะมีการย่อลงมาพักตัวได้เช่นกัน แต่แนวโน้มในระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น ยองมองเป็นขาขึ้นทั้งหมด

หากจะมองถึงสถิติในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าช่วงเดือน ม.ค. และ ก.พ. ส่วนใหญ่จะเป็นขาขึ้น แต่อาจจะมีการพักตัวในช่วงเดือน มี.ค. และ เดือน มิ.ย.

- Advertisement -

แต่การพักตัวในช่วงเดือน มี.ค. จะมากกว่า เพราะฉะนั้น เล่งหงษ์ มองว่า ในช่วง ม.ค.-ก.พ. ราคาจะเคลื่อนไหวในลักษณะ ไซต์เวย์อัพไปก่อน แล้วก็น่าจะมีการพักตัวได้ในช่วงปลายเดือน ก.พ. หรือต้นเดือน มี.ค.

มาดูปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับราคาทองคำในปีนี้ มีหลายประเด็น

แต่หลัก ๆ จะมาจากเงินเฟ้อที่เกิดจากนโยบายของทรัมป์ฯ ซึ่งจากที่ประชุม World Economic Forum ทรัมป์ฯ อยากจะให้มีการลดดอกเบี้ย และทางประธานเฟดมีท่าทีตอบรับ จึงเป็นแรงหนุนราคาทองคำ และคาดว่าในปีนี้จะมีการลดดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง และยิ่งหากลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อราคาทองคำ แต่หากว่าเฟดชะลอลดดอกเบี้ยออกไป จุดนี้อาจจะส่งผลให้ราคาชะลอตัวลง

ประเด็นต่อมา คือ เรื่องความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย และ ยูเครน จากเดิมที่ทรัมป์ฯ ระบุจะยุติความขัดแย้งภายใน 24 ชั่วโมง แต่สุดท้ายไม่สามารถทำได้ และหากว่าความขัดแย้งเกิดประทุขึ้นมา ก็จะเป็นผลดีต่อราคาทองคำ แต่ถ้าทรัมป์ฯ สามารถทำให้ความขัดแย้งยุติลง ก็จะเป็นแรงกดดันราคาทองคำ

นอกจากนั้น ยังต้องจับตาการเคลื่อนไหวในพื้นที่ตะวันออกกลาง และช่องแคบไต้หวัน ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าประเด็นเรื่องความขัดแย้งถือเป็นแรงหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง

- Advertisement -

ขณะที่ เรื่องสงครามการค้า และการขึ้นกำแพงภาษี ซึ่งการแถลงนโยบายยังคงร้อนแรงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยเฉพาะการตั้งกำแพงภาษีการค้ากับประเทศจีน ยังคงต่ำกว่าในช่วงแรกที่ทรัมป์ฯ เป็นประธานธิบดีมาก ซึ่งอาจอยู่ระหว่างการต่อรองหรือเจรจาในบางเรื่อง

จะมีเพียงแค่เม็กซิโกและแคนนาดา ที่ทรัมป์ฯ เดินหน้าเก็บภาษี 25% ทำให้นักลงทุนยังกังวลท่าที และความชัดเจนนโยบายของทรัมป์ฯ ในระยะถัดไป

สำหรับกรอบราคาทองคำ gold spot ในปีนี้

คาดว่าจะเคลื่อนไหวระหว่าง 2,450 – 3, 000 ดอลลาร์ โดยมองว่า ราคาอาจจะขึ้นไปทำ ATH ก่อนจะทิ้งตัวลงแรง ซึ่งต้องจับตาการเคลื่อนไหวของทรัมป์ฯ ใกล้ชิด ว่าจะมีนโยบายอะไรเพิ่มเติมที่จะทำให้ราคาพักตัวแรง ก่อนที่จะดีดขึ้นไปต่อ และมองว่ามีโอกาสไปถึง 3,000 ดอลลาร์ ได้

เพราะหากจะมองการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในเดือน ม.ค. (25 ม.ค.) ราคาปรับเพิ่มขึ้นมากว่า 100 ดอลลาร์ และจากจุดนี้เหลือเพียงแค่ 200 ดอลลาร์ ก็จะไปแตะ 3,000 ดอลลาร์ หากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ยังไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ และที่ผ่านมา สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่งตั้งเป้าไปที่ระดับ 3,100-3,200 ดอลลาร์

“สิ่งที่ต้องจับตาใกล้ชิด ก็คือ นโยบายของทรัมป์ฯ ที่มีความหลากหลาย เพราะต้องการนำอเมริกากลับมายิ่งใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่า และจะมากดดันราคาทองคำ เพียงแต่ในช่วงนี้นโยบายต่าง ๆ ยังไม่ชัดเจน” คุณภัทริน วชิรคพรรณ Chief Operation Officer บจ.เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ กล่าว

ส่วนราคาทองคำไทย

เล่งหงษ์ ให้กรอบ 42,500 – 47,000 บาท โดยต้องดูค่าเงินบาท ทั้งนี้ แม้ว่าราคาทองคำ gold spot พุ่งแรงแต่หากว่า เงินบาทแข็งค่าไปถึง 32 บาทต่อดอลลาร์ ก็จะกดดันราคาทองคำไว้ แต่หากราคาทองคำ gold spot ร่วงแรง และเงินบาทไม่เอื้อ ก็อาจจะทำให้ราคาทองคำหลุดแนวรับสำคัญที่ 42,500 บาทได้เช่นกัน แต่มองว่าโอกาสที่จะหลุด 40,000 บาท เป็นเรื่องยาก

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนปีนี้ ยังแนะนำเป็นย่อซื้อสะสม เพราะทั้งเทรนด์ระยะ กลาง-สั้น-ยาว เป็นขาขึ้นทั้งหมด หากจะย้อนดูราคาทองคำใน 20 ปี ย้อนหลัง จะเห็นได้ว่าเป็นขาขึ้นมากกว่าขาลง จะมีบางปีเท่านั้นที่เป็นขาลงไม่เกิน 4-5 ปี จาก 20 ปี

แต่ปีนี้อาจจะปรับขึ้นไม่ร้อนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา ที่ปรับขึ้นมา 27% มากสุดในรอบ 20 ปี โดยที่ระหว่างปี (2567) ราคาทองคำได้ปรับขึ้นไปถึง 34% ทั้งนี้ มองว่าราคาปีนี้จะขึ้นไม่ถึง 27% แม้ว่าต้นปีราคาจะขยับขึ้นมาอย่างร้อนแรงก็ตาม

รับชมคลิป ทิศทางราคาทองคำ ปี 2568 – Gold Outlook 2025

- Advertisement -