- Advertisement -

ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ได้ขยับขึ้นแรง หลังจากที่การประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นเดือน ต่ำกว่าที่คาดการณ์

ขณะที่ดัชนี CPI และ PPI เดือน เม.ย. ที่ประกาศออกมาสูงเป็นประวัติการ ทำให้นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า FED อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ประกาศไว้ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ เฟด ได้ออกมาระบุว่ายังไม่จำเป็น ทำให้ราคาทองคำได้พุ่งทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,850 ดอลลาร์ ก่อนจะไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,873 ดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา

YLG มองว่าทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น ระยะกลาง และยาวอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยราคาทองคำในระยะสั้นมีทิศทางการเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นชัดเจน หลังราคาทองคำได้ทะลุกรอบ Sideway สีน้ำเงิน รวมถึงเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน และ neckline ของรูปแบบ Double Bottom บริเวณ 1,758-1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้

คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าวกับ GoldAround.com

ขณะที่ระยะกลาง หลังราคาทองคำสามารถ breakout กรอบ sideway down (downtrend line สีแดง) ได้แล้วเช่นกัน ราคาทองคำขยับขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย ระยะสั้น-กลาง-ยาว ทั้ง 10, 21, 50, 100 และ 200 วัน จึงสะท้อนมุมมองเชิงบวกได้เป็นอย่างดี

- Advertisement -

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไม่ได้เคลื่อนไหวขึ้นเป็นเส้นตรง ประกอบกับราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว สัญญาณทางเทคนิคในระยะสั้นเริ่มสะท้อนให้เห็นถึงภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) และเกิดสัญญาณ Bearish Divergence ในบาง Timeframe ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำมีการพักตัวเพื่อสะสมกำลังในช่วงสั้นได้ แต่ทั้งนี้หากการอ่อนตัวลงไม่มาก จะถือเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมกำลังเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อ

YLG ประเมินว่ามีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ1,900 ดอลลาร์ได้

“อย่างไรก็ดี ราคาทองคำอาจต้องพักตัวเพื่อสะสมกำลังในระยะสั้น ก่อนที่จะผลักดันราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ การอ่อนตัวของราคาจะมีแนวรับแรกบริเวณ 1,859 ดอลลาร์ (ซึ่งเป็นบริเวณกรอบ sideway down ระยะกลางที่ราคาทองคำสามารถ breakout ขึ้นไปได้) และแนวรับถัดไปบริเวณ 1,844 ดอลลาร์ (เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน) หากไม่หลุดระดับดังกล่าวยังมีโอกาสที่ราคาจะพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านแรกในโซน 1,876-1,887 ดอลลาร์ หากยืนได้ จะแสดงถึงแรงเข้าซื้อ ทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ แนวต้านถัดไป 1,899 ดอลลาร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว

ในทางกลับกัน หากราคาทองคำหลุดแนวรับที่ระบุไป การพักตัวเพื่อสะสมกำลังอาจจะอยู่ในระดับที่ลึกมากขึ้น แต่ตราบใดที่ราคายังคงยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์ ได้ ถือว่าทิศทางในระยะสั้นยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นเช่นเดิม

ส่วนการประเมินทิศทางราคาทองคำในภาพรวม หลังจากที่แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวว่า ที่ผ่านมา YLG ยังคงยืนยันว่าในปี 2021 ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น (uptrend line สีเขียว) โดยตั้งกรอบเป้าหมายราคาทองคำระดับแรกในปีนี้ที่ระดับ 1,960-1,958 ดอลลาร์ หรือ 29,200 บาท ต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิม คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่า ราคาทองคำในปีนี้ได้ทดสอบกรอบเป้าหมายแรกของ YLG เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อราคาไม่สามารถทะลุแนวดังกล่าวไปได้ จึงเกิดการปรับตัวลงเพื่อสะสมกำลังอีกครั้ง

- Advertisement -

ทั้งนี้ หากราคาทองคำสามารถผ่านกรอบเป้าหมายแรกไปได้ YLG ประเมินว่าจะมีโอกาสให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 2,075 ดอลลาร์ หรือ 30,900 บาท ต่อบาททองคำ ซึ่งถือเป็นโซนระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ราคาเคยขึ้นไปทดสอบในช่วงเดือน ส.ค.ปี 2020

ส่วนกรอบแนวรับแรกของปีนี้ YLG ได้ขยับลงมาอยู่บริเวณ 1,676-1,630 ดอลลาร์ หรือ 24,900-24,200 บาท ต่อบาททองคำ หากไม่หลุดราคาจะยังคงรักษาแนวโน้มเชิงบวกไว้ได้ แต่หากราคาเกิดหลุดแนวรับแรก มุมมองเชิงบวกจะลดลง ราคามีโอกาสอ่อนตัวลงต่อทดสอบแนวรับถัดไปโซน 1,530 ดอลลาร์ หรือ 22,700 บาท ต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นฐานของราคาทองคำในปี 2012

ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด

- Advertisement -