- Advertisement -

หลังจากที่เมื่อวานนี้ GoldAround.com ได้นำเสนอมุมมองของ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG ต่อทิศทางราคาทองคำทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ไปแล้ว ( อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ) ในวันนี้ คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG จะมาชี้ถึงประเด็นสำคัญที่จะเกี่ยวเนื่องกับราคาทองคำ และเป็นเรื่องที่นักลงทุนจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

เริ่มจากการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ และ ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED เนื่องจาก “ทองคำ” ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ สะท้อนจากข้อมูลของ World Gold Council ที่บ่งชี้ว่าผลตอบแทนของ ทองคำ สูงกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงอย่างมาก

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว เพิ่มเติมว่า จาก chart พบว่าในปีที่อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าระดับ 3% ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% โดยเฉลี่ย ดังนั้น หากพิจารณาจากสถิติในอดีต พบว่าการถือครองทองคำจะสามารถเพิ่มพูนกำลังซื้อในระยะยาวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในขณะที่มูลค่าที่แท้จริงของสกุลเงินหลักลดต่ำลงจากอัตราเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ปัจจุบันเกิดการคาดการณ์ในวงกว้างเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 4.2% ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นมากที่สุด นับตั้งแต่เดือน ก.ย.2008 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%

- Advertisement -

การพุ่งขึ้นแรงของเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดสงสัยในจุดยืนของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ที่มองว่าการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นแค่ชั่วคราวเท่านั้น จนกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดไว้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าว หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมกับหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น จนกดดันราคาทองคำให้ร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,808 ดอลลาร์ ในระหว่างการซื้อขายของวันพฤหัสบดีที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี เมื่อเจ้าหน้าที่ FED ออกมาเน้นย้ำถึงจุดยืนในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้นักลงทุนลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED และ เป็นที่มาสำคัญ ที่อยู่เบื้องหลังการทะยานขึ้นของราคาทองคำในสัปดาห์นี้

“จะเห็นได้ว่าการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน รวมไปถึงการคาดการณ์เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของ FED ถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อทิศทางราคาทองคำอย่างมาก จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนทองคำต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ดังนั้นหากเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแต่ FED ไม่เร่งคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จะเป็นสภาพแวดล้อมที่เป็นบวกต่อราคาทองคำอย่างมาก ในทางกลับกันหากเงินเฟ้อพุ่งขึ้นจนกระตุ้นให้ FED เร่งคุ้มนโยบายการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จะเป็นสภาพแวดล้อมที่เป็นลบต่อราคาทองคำเช่นกัน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว

นอกจากนั้น นักลงทุนยังต้องติดตามกระแสเงินทุนไหลเข้าจากกองทุน ETF ทองคำ โดยหลังจากที่ กองทุน SPDR ได้ลดการถือครองทองคำ 7 เดือนติดต่อกัน คือ ตั้งแต่เดือน ต.ค.ปี 2020-เม.ย. 2021 รวมน้ำหนัก 251.85 ตัน ทำให้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยกดดันราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา

- Advertisement -

อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกที่เกิดขึ้น อาทิ กระแสเงินทุนไหลออกจาก SPDR ชะลอตัวลง ในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. และกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่มในเดือน พ.ค. โดยในเดือน พ.ค. SPDR ได้ถือครองทองเพิ่ม 2 สัปดาห์ ติดต่อกัน ที่ระดับ +11.32 ตัน สะท้อนให้เห็นว่า เงินทุนเริ่มไหลกลับเข้ากองทุน ETF ทองคำ

ล่าสุดสัปดาห์นี้ กองทุน SPDR เพิ่มการถือครองทองคำ วานนี้ เป็นจำนวน 7.57 ตัน ทำให้ขณะนี้กองทุน SPDR ถือครองทองคำ 1,035.93 ตัน สะท้อนกระแสเงินทุนที่เริ่มไหลกลับเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำที่มีแนวโน้มดำเนินต่อไปเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน

ดังนั้น หาก SPDR เดินหน้าเพิ่มการถือครองทองคำต่อไปจะสะท้อนความเชื่อมั่นในการลงทุนทองคำ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ช่วยหนุนราคาทองคำ หรือ สกัดไม่ให้ราคาทองคำร่วงลงแรงดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 7 เดือนก่อนหน้านี้ ในทางกลับกันหาก SPDR กลับมาลดการถือครองทองคำ ก็ต้องระมัดระวังในการถือครองทองคำเช่นเดิม

ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด

- Advertisement -