โค้งสุดท้ายเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สุดสูสี แต่ไม่ว่าทรัมป์หรือแฮร์ริสคว้าชัย เชื่อทองคำจะทะยานต่อจากปัจจัยเรื่องดอกเบี้ย
เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ชาวอเมริกันจะต้องออกไปโหวตเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งจนถึงขณะนี้ ผลสำรวจคะแนนความนิยมของ “โดนัลด์ ทรัมป์” จากพรรครีพับลิกัน และ “คามาลา แฮร์ริส” จากพรรคเดโมแครต ถือว่ายังสูสีกันมาก
ซึ่งผลพวงจากการเลือกตั้งจะไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของชาวอเมริกันเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่ออีกหลายเรื่องบนโลกนี้ รวมถึงราคาทองคำด้วย เพราะทั้งคู่ก็มีนโยบายเรื่องเศรษฐกิจและนโยบายต่างประเทศที่แตกต่างกัน
ที่ผ่านมา GOLD TALK ได้พูดคุยผลกระทบทั้งในแง่บวกและแง่ลบจาก กูรู นักวิเคราะห์ จากบริษัทค้าทองคำในประเทศเทศมาบ้างแล้ว
วันนี้จะได้พูดคุยเพิ่มเติมกับทาง ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ มาดูกันว่า ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ฯ จะมีมุมมองต่อผลกระทบหรือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง
โดย ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ฯ ได้แสดงความเห็นว่า ในมุมมองส่วนตัว ยังมองว่าไม่ว่าตัวแทนจากพรรคเมืองฝั่งไหนได้รับชัยชนะ ยังจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำในระยะยาว
เพราะหากเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ยังมองว่า แนวนโยบายจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ยังคงเป็นการทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยคาดว่าจะมีการทำสงครามการค้า ขณะที่นโยบายที่เกี่ยวกับตะวันออกกลางน่าจะเบาบางลง
แต่หาก กมลา แฮริส ได้เป็นประธานาธิบดี ยังมองว่า น่าจะเป็นการสานต่อนโยบายจาก โจ ไบเดน เรื่องของความขัดแย้งในพื้นที่ต่าง ๆ น่าจะยังดำเนินต่อไป
ในส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง
คาดจะเคลื่อนไหวผันผวนหนัก โอกาสที่จะมีการแกว่งตัวในกรอบ 100 ดอลลาร์ ได้ ดังนั้นนักลงทุนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ หากจะย้อนไปดูเมื่อช่วงการเลือกตั้งเมื่อ 8 ปีที่แล้วจะเห็นว่าช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนำ ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นสูง และในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
แต่หลังการเลือกตั้งต้องกลับมาดูอีกครั้งว่า นโยบายของ ทรัมป์ จะทำให้ดอลลาร์กลับมาแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน หรือสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น คริปโตฯ จะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงไร ซึ่งอาจจะเข้ามากดดันราคาทองคำได้ แต่หาก กมลา แฮริส ได้รับชัยชนะ มองว่าอาจจะมีแรงขายทองคำออกมาบ้าง ก่อนจะมีดูนโยบายอีกครั้ง
“แต่ในระยะยาวมองว่าราคาทองคำจะกลับมาสู่พื้นฐานเดิม ที่ยังหนุนให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นก็คือเรื่องของดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในแนวโน้มขาลง ดังนั้น ในอนาคตมีโอกาสที่ราคา gold spot จะไปแตะ 2,800-2,850 ดอลลาร์ หรือทะลุไปไกลกว่านั้นก็ยังมีความเป็นไปได้สูง เช่นกันเดียวกับราคาทองคำไทย ก็มีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 44,500 และ 45,000 บาท” ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ กล่าว
ขณะที่ ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะสามเดือนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 (ต.ค.–ธ.ค.) ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 จากระดับ 68.50 จุด มาอยู่ที่ระดับ 69.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.58 จุด หรือคิดเป็น 0.84%
โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมานั้น ได้แก่ เงินทุนไหลออกจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย การอ่อนค่าของเงินบาท ทิศทางราคาน้ำมัน และแรงซื้อเก็งกำไรของกองทุน
Comments are closed.