สรุปแนวโน้มราคาทองคำและกลยุทธ์ลงทุน วันนี้ 12 พ.ย.67
gold spot ร่วงแรงอีกชุด ลงแตะ $2610 ตลาดมอง FED ขยับดอกเบี้ยลงยาก แต่ทองไทยลงน้อยเงินบาทอ่อนแตะ 34.71 บาท
ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
ราคาทองคำไทย วันนี้ (12 พ.ย.) สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาแรกของวันลดลง 300 บาท
ทำให้ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 ณ เวลา 10.00 น. อยู่ที่ 43,100 บาท ส่วนราคารับซื้อ 43,000 บาท
ขณะที่ราคาทองรูปพรรณราคาขายออก 43,600 บาท ส่วนราคารับซื้อ 42,220.60บาท คำนวณจากเงินบาทที่ 34.71 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวอ่อนค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.37 บาท/ดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์ พุ่งขึ้น 0.52% แตะที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. ส่วนวันนี้คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-34.70 บาท/ดอลลาร์
ด้าน ฮั่วเซ่งเฮง มองว่า
ราคาทองคำแท่งยังมีแนวโน้มปรับตัวลง แม้ค่าเงินบาทจะกลับมาอ่อนค่าช่วยหนุน ระยะสั้นยังคาดว่ามีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญที่ 42,500-42,700 บาท ซึ่งเป็นระดับที่ราคามีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นไปอีกครั้ง ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 43,200 และ 43,400 บาท
ภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ gold spot วานนี้ ( 11 พ.ย.) ปรับตัวลดลงแรง 64 ดอลลาร์
ไปแตะจุดต่ำสุดที่ 2,610 ดอลลาร์ ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ 2,619 ดอลลาร์ ก่อนที่ช่วงเข้าวันนี้พยายามรีบาวด์มาแถว 2,630 ดอลลาร์
ทั้งนี้ราคาทองคำถูกกดันอย่างหนักจากจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการที่นักลงทุนกังวลว่าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลต่อนโยบายการเงินของ Fed โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับที่ให้น้ำหนัก 80% ก่อนที่ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ดีนอกจากนั้นนักลงทุนจับตาเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในงานเสวนาที่เมืองดัลลัส ตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. เวลา 03.00 น.ตามเวลาไทยรวมถึงยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ส่วนสินทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงก็คือบิตคอยน์ โดยราคาได้พุ่งขึ้นกว่า 12% แตะที่ระดับ 89,174 ดอลลาร์ในวันจันทร์ (11 พ.ย.) และทะยานขึ้นทำ All Time High ที่ระดับ 89,599 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ (12 พ.ย.) โดยนับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นประมาณ 30% โดยนักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า ราคาบิตคอยน์มีแนวโน้มทะยานขึ้นแตะระดับ 100,000 ดอลลาร์
มุมมองการลงทุนจากบริษัทค้าทองคำในไทย ทาง T.D.C. Gold มองว่า
ราคาทองคำปรับตัวลดลงแรงอีกครั้งหลังจากหลุดแนวรับ 2,680 ดอลลาร์ เป็นผลต่อเนื่องมาจากการคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยที่อาจจะลดได้ยากขึ้น โดยเฉพาะหลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็น ปธน. พร้อมทั้งจำนวนสมาชิกทั้งนี้ สภาสูงและสภาล่างเป็นของพรรครีพับลิกัน หรือ Red Sweep
ภาพทางเทคนิคของราคาทองคำหากปรับตัวลดลงหลุด 2,600 และ 2,590 ดอลลาร์ จะนำไปสู่การทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 2,420 ดอลลาร์
ด้าน Shining Gold มองว่า
วานนี้ราคาทองคำทิ้งตัวลงแรงจาก 2,686 มา 2,612 ดอลลาร์ ถือว่าเป็นการทิ้งตัวรวดเดียวจนมาถึงแนวรับสำคัญของรายสัปดาห์เลย โดยแนวรับบริเวณนี้เป็นแนวรับเด้งที่สำคัญที่สามารถลุ้นให้เกิดการรีบาวน์ได้มากกว่าแนวรับอื่น ๆ
แต่หากไม่สามารถรีบาวน์กลับขึ้นมาทะลุ 2,667 ดอลลาร์ ภายใน 1-2 วันนี้ได้โอกาสที่จะทิ้งตัวลงมาสัมผัสใกล้ ๆ กับ 2,600 ดอลลาร์ หรือหลุดแนวดังกล่าวลงไปก็ย่อมมีสูง
ซึ่งการคาดการณ์ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อรอบนี้ยังคงเป็นแรงกดตัวด้านลบต่อทองคำอยู่ เว้นแต่จะเกิดการพลิกล็อค ดังนั้นจึงไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ในโอกาสหลุด 2,600 ดอลลาร์เช่นกัน
ในเมื่อราคาอยู่ในจุดที่ยังคงต้องเลือกทาง คือ กลยุทธ์การลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด คือ รอเด้งรีบาวน์แรง ๆ ค่อย Open Short กับ การย่อให้หลุดลงมาอีกค่อย Open Long
โดยกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นเน้นรอ ให้ราคารีบาวน์สูง ๆ ค่อย Open Short ที่ 2,662 และ2,695 ดอลลาร์ ค่อยพิจารณาแนว Short ตาม Pattern ใหม่ ในทางกลับกัน หากหลุด 2,600 ดอลลาร์ ลงมาก่อน พิจารณา Follow Short โดยมีจุด Stop Loss ที่ 2,618 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 2,630 /2,652 และ2,683 ดอลลาร์
ขณะที่ InterGOLD มองว่า
ราคาทองคำปรับฐานแรงต่อเนื่องรับข่าวเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยทองคำปรับฐานลงมาจากจุดสูงสุดกว่า 160 ดอลลาร์แล้ว ทั้งนี้นโยบายของ Donald Trump ได้หนุนตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเห็นได้ชัด และกระแสเงินวิ่งไปหาสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนดีในระยะสั้น
จะเห็นว่าตลาดหุ้นและคริปโตฯ ปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง โดยสถานการณ์ตอนนี้เริ่มเห็นการ FOMO ในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงที่เริ่มรุนแรง และคาดว่าสถานการณ์เช่นนี้จะคงอยู่ไปอีกสักพัก
โดยทองคำอาจปรับฐานต่อไปอีกสักระยะจนถึงปลายปีนี้ ต้องจับตาดูตัวเลขเงินเฟ้อในวันพฤหัสบ แต่รอบนี้อาจไม่มีผลกระทบมาก อย่างไรก็ตามในรอบถัดไปเงินเฟ้ออาจพุ่งสูงจนหยุดไม่อยู่ จากนโยบายของ Donald Trump
InterGold แนะนำการลงทุนในระยะสั้น รอย่อซื้อที่บริเวณ 2,600 ดอลลาร์ หรือ 42,800 บาท และขายที่ 2,660-2,680 ดอลลาร์ หรือ 43,400 บาท
ปิดท้ายที่ เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์
ให้แนวรับรายวันที่ 2,600 และ 2,588 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านรายวันอยู่ที่ 2,637 และ 2,649 ดอลลาร์
รับชมคลิป
Comments are closed.