เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (12 ก.ย.) SPDR Gold Trust กองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ขายทองคำออกไป 4.96 ตัน ที่ระดับราคา 1,940 ดอลลาร์ โดยในเดือนนี้ SPDR ขายทองคำออกมากกว่าซื้อเข้า โดยช่วงต้นเดือนขาย 2 วันติด และล่าสุดซื้อเข้าเกือบ 3 ตัน ก่อนที่จะมาขายออกอีกครั้งในวันนี้ ทำให้ยอดรวมการซื้อทองคำในเดือน กันยายน ของ SPDR ติดลบ 3.5 ตัน หากนับรวมเฉพาะปีนี้ SPDR ซื้อไปแล้ว 354 ตัน และขณะนี้ SPDR ถือครองทองคำอยู่ทั้งสิ้น 1,248 ตัน
ด้านสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 16.4 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ 1,947.9 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ แต่ปรับตัวขึ้น 0.7% ในรอบสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ นักลงทุนขายสัญญาทองคำออกมาเพื่อทำกำไรหลังจากปรับตัวขึ้นหลายวัน โดยทิศทางราคาทองอยู่ในช่วงขาขึ้นเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 และผลกระทบที่เกิดกับภาวะเศรษฐกิจ
นอกจากนั้น สัญญาทองคำยังถูกกดดันจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด โดย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 0.4% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือน มิ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 0.6% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.3%
ไปดูอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เมื่อคืนนี้ได้ร่วงลงสู่ระดับ 0.669% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 1.423% โดยราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
ทั้งนี้ คาดว่านักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 15-16 ก.ย. ซึ่งคาดว่าเฟดจะให้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับ “เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย” ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้กล่าวถึงในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮลเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยเฟดจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ
CR TRADERIDER.CORP และ อินโฟเควสท์