ทองคำยังคงร้อนแรง ยักษ์ใหญ่อย่าง JP Morgan ยังหันมาเชียร์
ในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และสินทรัพย์ต่าง ๆ มีมูลค่าสูงเกินจริง (Overvalued) บทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ก็ยิ่งทวีความสำคัญขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สิ่งที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในสัปดาห์นี้ คือ การที่ผู้นำระดับสูงจาก JP Morgan สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก ได้ออกมาแสดงมุมมองเชิงบวกอย่างชัดเจนต่อทองคำ
โดยเฉพาะ Jamie Dimon ซีอีโอ ที่ปกติแล้วไม่ได้เป็น “สาวกทองคำ” ยังยอมรับว่า “เป็นเรื่องที่มีเหตุผล” ที่จะถือครองทองคำในพอร์ตโฟลิโอในสภาวะตลาดเช่นนี้
อะไรคือเบื้องหลังการเปลี่ยนมุมมองนี้?
นักวิเคราะห์จาก JP Morgan อย่าง David Kelly ได้ให้คำตอบที่น่าสนใจ โดยมองว่า ความเสี่ยงหลักในปัจจุบันไม่ได้มาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึง “เงินเฟ้อในราคาสินทรัพย์” (Asset Price Inflation) ที่กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ จากการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์และหุ้นในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
Kelly ยังตั้งคำถามถึงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่อาจตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยด้วยเหตุผลทางการเมือง มากกว่าเหตุผลทางเศรษฐกิจซึ่งหากเกิดขึ้นจริง อาจบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระบบการเงินสหรัฐฯ และส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในที่สุด
ด้วยเหตุนี้ การถือครองทองคำจึงไม่ใช่แค่การป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงจาก ความไม่แน่นอนเชิงโครงสร้าง ของตลาดการเงินในระยะยาว
กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน
แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นจนทำสถิติใหม่ แต่จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง JP Morgan ก็ยังมองว่าทองคำยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมหาศาล และอาจพุ่งไปถึงระดับ $5,000 หรือ $10,000 ได้ในอนาคต
ดังนั้น นักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาส การแบ่งเงินบางส่วนมาลงทุนในทองคำจึงเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ เพื่อเพิ่มความมั่นคงและกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตโฟลิโอ ในยุคที่ความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติ
อ้างอิงข้อมูล : Kitco.com







Comments are closed.