- Advertisement -

ภาพรวมระยะสั้น ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากผลประชุม FOMC ทำให้ราคาทองคำได้ปรับลดลงตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ หลังที่ประชุมได้ระบุอาจจะประกาศแผนลด QE ในเดือน พ.ย. และ ขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า ซึ่งอาจจะขึ้น 1-2 ครั้ง ซึ่งถือว่าสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด เพราะเป็นครั้งแรกที่ ปธ.เฟด ออกมาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมายืนยันมาตลอดว่าจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในปี 2023

“ข่าวเรื่องของการปรับขึ้นดอกเบี้ย จะดึงราคาทองคำให้ลดลงในระยะสั้น แต่ไม่ได้ทำให้ภาพรวมของราคาทองคำเป็นขาลง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังสูงมาก และอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งที่ผ่านมานักวิเคราะห์ได้คาดการณ์มาโดยตลอดว่า เฟดจะต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ เพราะหากปีหน้าสหรัฐฯ เปิดประเทศมากกว่าที่เป็นอยู่ อัตราเงินเฟ้อก็อาจจะมากว่านี้ แต่ส่วนตัวยังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังสูงกว่าดอกเบี้ยอยู่ดี นั่นก็ยังเป็นโอกาสของทองคำ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าว

นอกจากข่าวเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด ยังมองว่า ราคาทองคำยังถูกกดดันจากปัจจัยทางเทคนิค เพราะหลังจากราคาทองคำได้ขึ้นแตะจุดสูงสุดเมื่อเดือน สิงหาคม ปีที่ผ่านมา gold spot จะเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway สลับกับปรับตัวลดลง แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ดูเหมือนแนวโน้มราคาจะพลิกกลับเป็นขาขึ้นแต่สุดท้ายก็ยังไม่สำเร็จ ก่อนจะปรับตัวลดลงมาอีกรอบ ซึ่งการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้เหมาะกับกลุ่มนักลงทุนระยะสั้นมากกว่า

“แม้ว่าภาพรวมทิศทางราคา gold spot จะแลดูไม่ดีนัก แต่หากไปดูทิศทางของราคาทองคำไทยจะพบว่าเป็นขาขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากเงินบาทอ่อนค่า และแนวโน้มยังไปได้ดี จึงมองว่า การลงทุนในตลาดทองไทยยังน่าสนใจ โดยหากอยู่ฝั่งซื้อน่าจะได้เปรียบมากกว่า” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัดกล่าว

- Advertisement -

ขณะที่ราคา gold spot แม้จะเสี่ยงมากกว่า แต่ก็ยังเชื่อว่าหากอยู่ฝั่งซื้อจะได้เปรียบกว่าฝั่งขายเช่นกัน แต่นักลงทุนต้องใช้ความอดทนเพื่อรอให้ราคาปรับตัวขึ้นมา โดยคาดว่าในระยะสั้นราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,740-1,770 ดอลลาร์

ขอขอบคุณ InterGOLD

- Advertisement -