Gold Outlook 2025 (Q4) EP1 : คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ YLG
พูดคุยกับ คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (YLG)
ดำเนินรายการโดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
YLG แนะเพิ่มทองคำในพอร์ตเป็น 20-25% 3 ไตรมาสบวกโหด 47% – แนวโน้มสดใสถึงปีหน้า แต่ระยะสั้นระวังพักฐานทางเทคนิคอาจร่วงแรง
คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) กล่าวกับ goldaround ว่า
ราคาทองคำ Goldspot ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นแรงถึง 555 ดอลลาร์ หรือ 16.87% หากจะนับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึง 30 ก.ย. ราคา gold spot บวกมากแล้ว 1,240 ดอลลาร์ หรือ 47%
ส่วนราคาทองคำไทยก็ไม่น้อยหน้า ในช่วงไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย.) ปรับบวกเพิ่มมาบาทละ 7,500 บาท หากนับตั้งแต่ต้นปีจนถึง 30 ก.ย. ราคาทองคำไทยบวกเพิ่มมาแล้ว 14,100 บาท
“ทั้งนี้ราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างร้อนแรงทั้งในช่วงที่ผ่านมา และยังมองว่าในช่วงที่เหลือของปีก็ยังจะปรับขึ้นได้อีก และรวมไปถึงปีหน้าด้วย โดยหากจะมองสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่คาดการณ์ว่าอาจจะแตะระดับ 4,500 ดอลลาร์ ซึ่ง YLG ก็เห็นว่ามีโอกาสเป็นไปได้ แต่ระยะสั้นมองเป้าที่ 3,900 ดอลลาร์ หากผ่านไปได้มองเป้าถัดไป 4,000 ดอลลาร์ หากผ่านไปได้เป้าถัดไปอยู่ที่ 4,250 และ4,400 ดอลลาร์ “นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) กล่าว
ส่วนระยะสั้นแม้ว่าราคายังส่งสัญญาณว่าจะไปต่อได้ แต่ทั้งนี้อยากให้ลงทุนระวังการพักฐานทางเทคนิครอบใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้ราคาทองคำย่อตัวลงได้ถึงระดับ 200-300 ดอลลาร์ โดยประเมินแนวรับไว้แถว 3,740 – 3,600 ดอลลาร์ เพราะที่ผ่านมาราคายังทำแค่พักตัวสั้นๆ แล้วขึ้นทำ ATH ต่อเนื่อง ดังนั้นอาจจะมีแรงเทขายทางเทคนิคครั้งใหญ่ออกมาได้ แต่มองว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นจังหวะการเข้าซื้อครั้งสำคัญ และจะเป็นการพักตัวเพื่อกลับขึ้นไปเป็นเทรนด์ขาขึ้นอย่างเข้มแข็ง
เมื่อมามองปัจจัยหนุนทองคำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เริ่มจาก US Government Shutdown .การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ที่ยังคงจะมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ,แรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลก และETF ทองคำ ที่ปรับเพิ่มขึ้นแรง เรื่องของสงครามการค้า และนโยบายของปธน.ทรัมป์ ที่ยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ,กระแส de-dollarization ฯลฯ
“แรงซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะธนาคารกลางของประเทศจีนที่ซื้อทองอย่างสม่ำเสมอ ทำให้สัดส่วนทองคำที่เป็นทุนสำรองของจีนเพิ่มจาก 3.8% เป็นเกือบ 7% ซึ่งเป้าหมายของจีนยังต้องการจะเก็บเพิ่มขึ้นอีก 4,000 ตัน และธนาคากลางหลายๆ แห่งได้ปรับสัดส่วนของพอร์ตมาถือทองคำเพิ่มเป็น 20-25% จากเดิมอยู่ที่ 10-15% ทำให้ความต้องการทองคำยังมีอีกมาก” นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) กล่าว
ส่วนนักลงทุน จากเดิมที่เคยแนะนำว่าควรจะมีทองคำนพร์ตลงทุนประมาณ 10-15 % เมื่อสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก และธนาคารกลางทั่วโลก ได้ปรับสัดส่วนการถือครองทองคำเพิ่ม ก็อยากจะให้นักลงทุนปรับสัดส่วนทองคำในพอร์ตเพิ่มเป็น 20-25% หรืออาจจะแบ่งไป ซิลเวอร์ ประมาณ 5 % ก็จะเป็นอีกทางเลือก เพราะในปีนี้ราคาซิลเวอร์ให้ผลตอบแทนดีกว่าทองคำไปแล้ว
รับชมคลิป







Comments are closed.