“ทองคำ-ซิลเวอร์” ปรับฐานใหญ่เป็นผลดี ช่วยลดแรงกดดันก่อนฟองสบู่แตก แนะสะสมเพิ่มปัจจัยหนุนในระยะยาวยังคงเดิม
หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ประจำ Saxo Bank ธนาคารเพื่อการลงทุนของเดนมาร์ก กล่าวว่า
ราคาทองคำและซิลเวอร์กำลังเผชิญกับการปรับฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาซิลเวอร์ที่ลดลงอย่างรวดเร็วกว่านั้น ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของสภาพคล่องระหว่างโลหะทั้งสองชนิด
แต่ยังคงเชื่อว่า ทั้งทองคำและซิลเวอร์ยังคงมีสัดส่วนการถือครองในพอร์ตโฟลิโอที่ต่ำเกินไป และปัจจัยพื้นฐานเชิงโครงสร้างที่ขับเคลื่อนการขึ้นของราคายังคงอยู่ครบถ้วน
ทั้งนี้ ความเสี่ยงของการปรับฐานในทองคำและซิลเวอร์ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ว่าความต้องการที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษในช่วงก่อนเทศกาล Diwali จะช่วยหนุนราคาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลายอย่างได้กระตุ้นให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง และมุ่งเน้นไปที่การป้องกันกำไรมากกว่าการไล่ราคาให้สูงขึ้นอีก
Ole Hansen ชี้ว่า แม้จะไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนของการเทขายครั้งใหญ่ในวันจันทร์ แต่การที่ราคาทองคำพยายามทะลุเหนือระดับ 4,380 ดอลลาร์ ถึง 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ อาจช่วยเปลี่ยนกรอบความคิด จากความโลภไปสู่ความกลัวในหมู่นักลงทุนโลหะมีค่า
นอกจากนั้น การเคลื่อนไหวของราคาทองคำและซิลเวอร์ ล่าสุดตอกย้ำถึงความแตกต่างด้านสภาพคล่อง (liquidity) โดยที่สภาพคล่องของซิลเวอร์นั้นต่ำกว่าทองคำประมาณ 9 เท่า
ทั้งนี้ การซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะเจอกับอุปทานที่จำกัด และการเปลี่ยนไปสู่การทำกำไรจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวแรงเกินจริง
โดย Hansen ตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งทองคำและซิลเวอร์ มีการดีดกลับในช่วงตลาดเอเชีย หลังจากที่เกิดการเทขายที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี
การปรับฐานที่รุนแรงแสดงให้เห็นว่าตลาดมุ่งเน้นไปที่ทิศทางเดียวมากเกินไป และจะนำไปสู่การพักฐานใหญ่ หลังจากที่ราคาวิ่งขึ้นอย่างเร็วและแรงตลอด 9 สัปดาห์ ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น 31% และซิลเวอร์ เพิ่มขึ้น 45%
ทั้งนี้ โลหะทั้งสองชนิดจำเป็นต้องปรับฐานเพื่อป้องกันการก่อตัวของภาวะฟองสบู่ ที่อาจจะแตกอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นในภายหลัง
สำหรับแนวโน้มระยะยาวและปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง ทาง Saxo Bank ยังคงมีมุมมองเชิงบวก ต่อทองคำและซิลเวอร์ไปจนถึงปี 2026
โดยเชื่อว่า ปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ขับเคลื่อนการขึ้นของราคา เช่น เงินเฟ้อ, ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ/ภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่ และการปรับฐานในปัจจุบันเป็นโอกาสในการสะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาว
ส่วนระยะสั้น Hansen มองว่า
หากการประชุมระหว่าง ปธน.ทรัมป์ และสี จิ้นผิง รวมถึง ระหว่าง ปธน.ทรัมป์-ปูติน เกิดขึ้น อาจสร้างความผันผวนและอาจทำให้ราคาอาจชะลอตัวได้
ดังนั้น นักลงทุนควรใช้ช่วงที่ราคาย่อตัวลงมานี้ในการ ทบทวนสัดส่วนการถือครองในพอร์ตโฟลิโอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโลหะมีค่ายังคงมีสัดส่วนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว
ที่มา: Kitco.com







Comments are closed.