Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

FED จะทำอย่างไรกับนโยบายการเงิน หาก CPI-ราคาน้ำมัน ยังพุ่งสูง

- Advertisement -

602

- Advertisement -

ผลจากมติการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

พร้อมระบุว่า จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวในการประชุมเดือน มิ.ย. และ ก.ค. เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ราคาทองคำมีความเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร

และในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำ อาจจะผันผวนแรงขึ้นอีก จากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่จะประกาศในวันพุธ รวมถึงความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่เฟดหลังการประชุมด้วย

สำหรับข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน เม.ย. ที่จะประกาศในวันพุธ ถือเป็นอีกตัวเลขสำคัญ โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หรือ เพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบรายปี จากเพิ่มขึ้น 8.5% ในเดือน มี.ค. เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนั้น ยังมีการประกาศดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน เม.ย. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน จากเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบรายเดือน หรือ เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบรายปี จากเพิ่มขึ้น 11.2% เมื่อเทียบรายปี

- Advertisement -

ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มองว่า หากตัวเลขออกมาตามที่คาดการณ์ อาจจะทำให้เฟดต้องใช้นโนบายที่เข้มข้นกว่าเดิม แต่ในทางกลับกัน นักลงทุนกลัวว่าหาก Fed ที่เข้มงวดมากขึ้น อาจทำให้เศรษฐกิจถดถอยได้

ขณะเดียวกัน ยังต้องรอฟังมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟด ที่จะออกมาพูดหลังจากการประชุม FOMC เสร็จสิ้นไป ไม่ว่าจะเป็น ประธานเฟดแอตแลนต้า, ประธานเฟดนิวยอร์ก ,ผู้ว่าการเฟด , ประธานเฟดมินนิอาโปลิส และ ประธานเฟดคลีฟแลนด์ ซึ่งมุมมองของแต่ละคนต่อนโนบายการเงินของเฟด อาจจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในตลาดทุน รวมถึงตลาดทองคำได้

Edward Moya

ทั้งนี้ Edward Moya นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA กล่าวกับ Kitco News ว่า

นักลงทุนเชื่อว่า เฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 2 ครั้งถัดไป เพราะเฟดกำลังส่งสัญญาณว่า เงินเฟ้อกำลังมาถึงจุดสูงสุด แต่เมื่อถึงการประชุมที่ Jackson Hole เฟดจะต้องตัดสินใจว่า จะดำเนินการต่อหรือเปลี่ยนเส้นทาง

- Advertisement -

Edward Moya กล่าวเพิ่มเติมว่า ปธ.เฟด ระบุไม่ได้พิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เพื่อเป็นการตอบโต้ตลาดตราสารหนี้ได้กลับมาขายออกอีกครั้ง และผลักดันให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ซึ่งเป็นข่าวร้ายสำหรับราคาทองคำ

อย่างไรก็ดี ปฏิกิริยาของตลาดหลังจากการประชุม อาจบ่งบอกว่าเฟดกำลังสูญเสียความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากประเมินอัตราเงินเฟ้อต่ำเกินไปในช่วงสั้น ๆ เมื่อปีที่แล้ว

Edward Moya อธิบายว่า ราคาทองคำได้ถูกกดมาระยะหนึ่งแล้ว และราคาทองคำจะดิ้นรนต่อไป จนกว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่าลง แต่ยังมีความเสี่ยงสูงที่อาจมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ใน พันธบัตร ตลาด และ ทองคำ ยัง ที่ยังคงเปราะบางต่อการเทขายครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนที่สิ่งต่าง ๆ จะถึงจุดต่ำสุด

ตลาดจะขึ้นอยู่กับข้อมูลพิเศษในสัปดาห์นี้ และชุดข้อมูลสำคัญที่ต้องจับตา คือ ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ

ตั้งแต่เดือน เม.ย. รวมถึงปัญหาห่วงโซ่อุปทานจะยาวนานขึ้น และสงครามในยูเครนยังคงมีอยู่ ขณะที่จีนก็ไม่ขยับเขยื้อนจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นปัจจัยหนุนสำหรับเงินเฟ้อ

Moya ให้แนวต้านสำคัญสำหรับสัปดาห์นี้ จะอยู่ที่ 1,900-1,920 ดอลลาร์ ขณะที่แนวรับจะอยู่ที่ระดับ 1,850 ดอลลาร์ หากยังรับไม่ไหว อาจจะได้เห็น 1,800 ดอลลาร์

อีกประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือเรื่องของราคาน้ำมันนตลาดโลก

หลังกลุ่ม G7 ที่ประกอบไปด้วย อังกฤษ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น และ สหรัฐฯ รวมถึง สหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศยุติ หรือ สั่งห้ามการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย พร้อมระบุว่า จะสามารถจัดการเรื่องดังกล่าวได้ทันเวลา

โดยทางทำเนียบขาวมองว่า การประกาศดังกล่าว จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจรัสเซีย และตัดท่อน้ำเลี้ยงที่ ปธน.ปูตินฯ ต้องใช้ในการทำสงคราม

ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์จาก Price Futures Group กล่าวกับรอยเตอร์ว่า

การเคลื่อนไหวดังกล่าว จะผลักดันให้โรงกลั่นน้ำมันในยุโรปแข่งขันกันเพื่อหาซัพพลายเออร์น้ำมันดิบรายใหม่ และอาจทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ซึ่งจะเพิ่มภาระให้ผู้บริโภคที่ปัจจุบันต้องเผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพทั่วโลก

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ก่อนหน้า ที่จะมีมติดังกล่าวออกมา ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 5% และในระยะอันใกล้ราคาน้ำมันยังเป็นขาขึ้น และหลายฝ่ายกลัวว่า เรื่องของราคาพลังงานจะเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวในอนาคตอันใกล้

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More