- Advertisement -

สมาคมค้าทองคำ เตรียมเข้าหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการจัดระเบียบค้าทองผ่านสื่อออนไลน์ มองในแง่ดีดราม่าทองคำ ผู้บริโภคได้ฉุกคิด ส่วนผู้ค้ายกมาตรฐานให้สูงขึ้น

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในตลาดทองคำมีเรื่องที่น่าสนใจอยู่หลายเรื่อง เรื่องของราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก็เป็นที่สนใจของนักลงทุน แต่เรื่องที่มีปัญหาเกิดขึ้นจากการซื้อขายทองออนไลน์ ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจอยากมากไม่กัน

เพราะปัจจุบันเมื่อ พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป บรรดาผู้ประกอบร้านค้าทองคำได้หันลงมาทำตลาดออนไลน์กันมากขึ้น

และยิ่งในช่วงที่ราคาทองคำในพุ่งสูงขึ้นมาก ก็อาจจะมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาหลอกลวงผู้บริโภคได้เช่นกัน ดังที่เราจะว่ามีมิจฉาชีพปลอมเพจร้านทองชื่อดังชักชวนลงทุนทองคำอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ผู้บริโภคต้องใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายทองคำมากขึ้น

แต่ประเด็นการค้าทองออนไลน์ที่กำลังพูดถึงในสังคมขณะนี้ ทาง GOLD TALK คงจะไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์หรือให้ความเห็นเพิ่มเติม และขอให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปตามกฎหมาย แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่า คือ หลังจากนี้จะมีการควบคุมอย่างไรไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก

- Advertisement -

ซึ่ง สมาคมค้าทองคำ ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าทองคำในประเทศ ที่ต้องจะเข้ามามีบทบาทในการจัดการปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้การค้าทองคำในประเทศให้มีมาตรฐานสูงขึ้น

ซึ่งครั้งนี้ทาง GOLD TALK จะไปพูดคุยกับคุณธีรเดช สินธพเรืองชัย เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นวิกฤตหรือโอกาสในการพัฒนาการค้าทองคำ และสมาคมฯ จะมีแผนการดำเนินงานในอนาคตอย่างไร

โดย คุณธีรเดชฯ กล่าวว่า จากกรณีที่เป็นข่าว เป็นการซื้อขายทองคำในลักษณะผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งจะต่างจากการซื้อขายปกติที่มักจะซื้อขายกันหน้าร้าน มีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวสินค้าชัดเจน ทั้ง ราคาทองคำ น้ำหนัก ค่ากำเหน็จ

ซึ่งร้านค้าทองคำจะอยู่ภายใต้กฎหมายของ สคบ. ก็คือ กฎหมายว่าด้วยฉลาก ที่จะกำหนดว่าภายในฉลากจะต้องระบุอะไรบ้าง มีการกำหนดราคาซื้อเข้า-ขายออกของทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ ค่ากำเหน็จ ที่สำคัญเวลาซื้อขายแบบพบหน้า หรือซื้อขายที่หน้าร้าน ผู้ขายจะมีการชั่งน้ำหนักให้ผู้ซื้อได้เห็นแบบละเอียด

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นการซื้อขายผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งการทำการค้าในส่วนนี้ ประเด็นหลักคือคนซื้อจะต้องมีความเชื่อมั่นต่อคนขาย และเข้าไปซื้อเมื่อมีการเสนอขาย หรือจะเข้าไปเลือกซื้อตามหน้าเพจต่าง ๆ แต่ในส่วนของคนขาย ก็ควรจะต้องแสดงรายละเอียดต่างเกี่ยวกับสินค้าให้ชัดเจน ทั้งเรื่อง เปอร์เซ็นต์ทอง น้ำหนักทอง ราคารับซื้อคืน เป็นต้น

- Advertisement -

คุณธีรเดชฯ ยอมรับว่ากฎหมายเรื่องการซื้อขายออนไลน์ในส่วนของทองคำยังไม่ชัดเจน ซึ่งจะต่างกับการซื้อขายหน้าร้าน หลังจากนี้สมาคมฯ จะเข้ามาไปปรึกษาและพูดคุยกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความกระจ่างเกี่ยวกับการซื้อขายออนไลน์

ซึ่งเท่าที่ทราบ ร้านค้าที่จะซื้อขายออนไลน์ได้ จะต้องมีการขึ้นทะเบียน และยังมีระเบียบข้อบังคับอีกมากมาย ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการชี้แจงให้กับผู้ประกอบการได้รับทราบ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฎิบัติต่อไป

เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ทำให้การค้าออนไลน์มีการขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ซึ่งผู้ประกอบการร้านค้าทองได้หันมาใช้ช่องทางทำตลาดออนไลน์กันมากขึ้น

และในช่วงที่ราคาทองคำได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้มีผู้บริโภคก็หันมาสนใจทองคำกันมากขึ้น และเมื่อมีผู้ค้ามาเสนอขายทองคำในราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริง โดยอาจจะระบุว่าเป็นราคาโปรโมชั่น หรืออาจจะมีการทำตลาดอื่น ๆ เสริม จึงทำให้ผู้เสียหายได้หลงเชื่อ ทั้งที่ธุรกิจค้าทองคำจะมีราคากลางที่ประกาศโดย สมาคมค้าทองคำ เป็นผู้กำหนด โดยอ้างอิงกับราคาทองคำในตลาดโลก และมองว่าเป็นราคาที่มีความเป็นธรรม ดังนั้น การที่จะมีผู้ค้ามาเสนอขายทองราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง ก็อยากให้ผู้บริโภคได้ฉุกคิด และพิจารณาถึงความเป็นได้

เพราะทองคำในประเทศ เมื่อลูกค้าซื้อจากร้านค้าทองคำร้านใดไป สามารถนำไปขายให้กับร้านค้าทองคำที่มีอยู่กว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศได้ ถ้าเป็นทองคำที่ได้มาตรฐาน ทั้งเรื่องคุณภาพเปอร์เซ็นต์ทอง และน้ำหนัก โดย สคบ.ระบุว่า จะถูกหักไม่เกิน 5% ของราคารับซื้อคืนทองคำแท่งในวันนั้น ๆ กรณีการซื้อขายจากร้านเดียวกัน แต่หากเป็นต่างร้านกันอาจถูกหักมากกว่านั้นเล็กน้อยตามสภาพทองคำ

ดังนั้น ก่อนการซื้อทองคำไม่ว่าจะเป็นผ่านสื่อออนไลน์หรือร้านทั่วไป อยากให้ผู้บริโภคได้ใช้วิจารญาณดูว่าร้านค้ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ราคาสมเหตุสมผลมากน้อยแค่ไหน เพราะหากเป็นร้านที่ค้าขายโดยสุจริต จะมีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตัวสินค้า รวมถึงราคารับซื้อคืนอย่างชัดเจน ซึ่งผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้จากทางช่องสื่อสารต่าง ๆ ของทางสมาคมฯ ว่าราคาทองคำในวันนั้นเป็นอย่างไร

“ที่ผ่านมา คนที่ซื้อทองส่วนใหญ่ก็จะซื้อกับร้านแถวบ้านที่มีความผูกพันกันมานาน มีความเชื่อใจกัน ซึ่งขณะนี้ร้านค้าทองก็มีอยู่ 7,000-8,000 ร้านค้า กระจายแทบจะทุกหัวระแหง หากว่าต้องการจะได้ความมั่นใจเพิ่มเติม ก็สามารถตรวจสอบได้ว่าร้านค้าดังกล่าวเป็นสมาชิกของสมาคมฯ หรือไม่

แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าที่อยู่ในสมาคมฯ หรืออยู่นอกจะสมาคมฯ ก็จะถูกควบคุมจากกฎหมายของ สคบ. โดยเฉพาะกฎหมายว่าด้วยฉลาก ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญมาก หากร้านค้าไม่ดำเนินการตาม หรือทำตามไม่ถูกต้องก็มีความผิด

และหลังจากนี้ เมื่อสมาคมฯ ได้พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขายออนไลน์แล้ว คาดว่าจะมีการระบุอย่างชัดเจนว่าการจะขายทองออนไลน์จะต้องทำอย่างไรบ้าง

ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้ประชาชนได้ฉุกคิดมากขึ้นเกี่ยวกับการซื้อขายทองคำออนไลน์ โดยหลังจากนี้จะได้มีการชี้แจงให้ผู้บริโภคได้รับทราบว่า จะต้องตรวจสอบอะไรบ้าง และผู้ประกอบการก็จะได้รับทราบว่าการค้าทองออนไลน์จะต้องทำอย่างไรบ้าง”

นอกจากนั้น จะมีการหารือเรื่องการควบคุมการทำธุรกิจออมทองคำด้วย เพราะหลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมามาก ทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อทองสะสมแต่ไม่มีเงินมากพอ ก็อาจจะใช้วิธีการซื้อสะสมทองแทน โดยอาจจะซื้อเป็นหน่วยย่อย ๆ ตามกำลังเงินที่มี ซึ่งอาจจะเป็น 0.001 กรัม เมื่อสะสมจนครบ 1 กรัม หรือ 1 สลึง ก็อาจจะถอนออกมาเป็นทองรูปพรรณ

ทั้งนี้ รูปแบบและวิธีการออมทองที่ผู้ประกอบการแต่ละรายดำเนินการ ก็จะไม่เหมือนกัน ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องการทำสัญญาระหว่างผู้ประกอบการกับลูกค้า โดยสมาคมฯ อาจจะต้องไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทุกร้านทำเป็นมาตรฐานเดียวกัน

รับชมคลิป

- Advertisement -