Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

Gold Talk : ความสำคัญของธนาคารกลางกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ

- Advertisement -

12

- Advertisement -

ความสำคัญของธนาคารกลางกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ จับตาการขยับนโยบายของ “BoJ” อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญของราคาทองคำ

พูดคุยกับ คุณวิโรสินี สดากร AISA ผจก.ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บจ.ชายน์นิ่งโกลด์ บูลเลี่ยน

ดำเนินรายการโดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com

ปัจจัยที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำมีอยู่มากมาย และ 1 ในนั้นก็คือนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญๆ ต่าง แต่จะมีธนาคารกลางประเทศใดบ้าง และปัจจุบันธนาคารกลางประเทศใดสำคัญสุด และอันดับรองลงมาเป็นประเทศอะไร

GoldTalk จะพูดคุยกับ คุณวิโรสินี สดากร ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บจ.ชายน์นิ่งโกลด์ บูลเลี่ยน เกี่ยวกับเรื่องราวและความสำคัญของธนาคารกลางแต่ละแห่ง

- Advertisement -

โดยคุณวิโรสินี ระบุว่า ปัจจุบันธนาคารกลางสำคัญ ๆ ที่เมื่อมีการเคลื่อนไหวในเรื่องของนโยบายดอกเบี้ยจะมีอยู่ 5 แห่ง คือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED , ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB , ธนาคารกลางอังกฤษ หรือ BoE , ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BoJ และธนาคารกลางจีน หรือ PBOC

แต่ทั้งนี้ ราคาทองคำยังมีความเกี่ยวข้องกับเงินดอลลาร์โดยตรง ทำให้การเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED จะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับทองคำ เพราะ FED จะมีเรื่องของนโยบายดอกเบี้ยที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์

ส่วนธนาคารที่มีความสำคัญรองลงมาในช่วงนี้ ยกให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BoJ ตามมาด้วยธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB , ธนาคารกลางอังกฤษ หรือ BoE และธนาคารกลางจีน หรือ PBOC ซึ่งการขยับตัวเรื่องของนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางแต่ละแห่งจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ โดยมีน้ำหนักและความสำคัญที่ต่างกันไป

โดยปัจจุบันเมื่อทาง BoJ ขยับจะส่งผลต่อดอลลาร์พอสมควร ขณะที่ ECB ส่งผลบ้างแต่ไม่มาก

ขณะที่ BoE หลังจากได้ออกจากกลุ่ม EU ความสำคัญของเงินปอนด์ก็เริ่มลดลง ส่วนของจีนจะเอาไว้ดูเกี่ยวกับเงินทุนสำรอง หรือการเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวน รวมถึงนโยบายของทางการจีน แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบมากนักถ้าไม่ใช่เป็นการเคลื่อนไหวที่มีนัยยะสำคัญ

- Advertisement -

ขณะที่ BoJ ที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับ 2 เนื่องจากนโยบายและอัตราดอกเบี้ยจะแตกต่างจาก FED ขณะที่ ECB, BoE จะมีการขึ้นลงของดอกเบี้ยคล้อยตาม FED โดยหลังจากที่ธนาคารทั้ง 3 แห่ง ได้ขึ้นดอกเบี้ยอย่างมากมาย และเพิ่งมาปรับลด

แต่ BoJ ใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบมาโดยตลอด และเพิ่งกลับมาขึ้นดอกเบี้ย เพราะที่ผ่านมาเงินเยนอ่อนค่ามากเป็นผลมาจากการที่ดอลลาร์แข็งค่า

ผลที่ตามมาก็คือ เกิดการ carry trade ซึ่งหมายถึงการไปกู้เงินฝั่งญี่ปุ่นลงทุนในประเทศที่มีดอกเบี้ยแพง ก็ยิ่งกดให้เงินเยนอ่อนค่า ทาง BoJ ก็แก้ปัญหาด้วยการลดการซื้อพันธบัตร ไปควบคุมยีลด์ curve โดยไม่แทรกแทรงค่าเงินหรือการขึ้นดอกเบี้ย

แต่ในระยะหลัง การใช้วิธีการดังกล่าวเริ่มไม่ได้ผลก็กลับมาขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ขบวนการ carry trade ลดลง ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า เงินเยนแข็งค่าขึ้น และราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม

ดังนั้น เมื่อ FED เริ่มเดินหน้าลดดอกเบี้ย โดยล่าสุดประกาศลดดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% จึงต้องจับตาดูว่าทาง BoJ จะเดินเกมส์อย่างไรต่อ เพราะก่อนหน้านี้ทาง ECB ได้ลดดอกเบี้ย 0.25% มาแล้ว 2 ครั้ง และคาดว่า BoE ก็อาจจะลดดอกเบี้ยลงเช่นกัน

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มีการคาดการณ์ว่าหาก FED ลดดอกเบี้ยไม่มาก ทาง BoJ อาจจะต้องดำเนินการนโยบายดอกเบี้ยเพิ่มเติม เพื่อดึงให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น แต่เมื่อ FED ใช้ยาแรงทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า ทาง BoJ อาจจะไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม

โดยไปรอดูจังหวะที่เหมาะสม เพื่อปรับนโยบายการเงินต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อ BoJ ขยับแต่ละครั้งจะเห็นได้ว่าราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลง แม้อาจจะเป็นช่วงสั้น ๆ ก็จะเห็นได้ว่า ได้ส่งผลต่อเงินดอลลาร์และทองคำพอสมควร

รับชมคลิป Gold Talk

- Advertisement -

- Advertisement -

Comments are closed.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More