หลังจากที่เมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) ราคาทองคำได้ลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ระดับ 1,799 ดอลลาร์ ก่อนจะมีแรงรีบาวด์ทำให้ราคาดีดตัวกลับมาเคลื่อนไหวเหนือแนว 1,800 ดอลลาร์ได้ในช่วงเช้าวันนี้ แต่ในภาพรวมราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากปัจจัยโดยรอบ ทั้งเรื่องความคืบหน้าวัคซีน COVID-19 การดีดตัวขึ้นแรงของตลาดหุ้น รวมถึงเรื่องการเมืองของสหรัฐ
ทั้งนี้หลังจากที่เมื่อวันจันทร์ราคาทองคำได้หลุดระดับ 1,850 ดอลลาร์ มองว่าภาพการเคลื่อนไหวของราคาเป็นแนวโน้มขาลง และยิ่งหากราคาหลุดไปแตะระดับ 1,780 ดอลลาร์ และ 1,750 ดอลลาร์จะเป็นการลงไปพักฐานรอให้ “โจ ไบเดน” เข้าสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ในต้นปีหน้า หลังจากนั้นราคาทองคำจะขยับเดินหน้าเต็มตัว เพราะจะได้อานิสงค์ จากแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมา
มาดูปัจจัยโดยรวมที่จะส่งผลลบต่อราคาทองคำ ระยะสั้นยังมีเรื่องของวัคซีน COVID-19 เป็นเรื่องสำคัญ หลังจากที่มีการแถลงความคืบหน้าวัคซีนไปแล้ว 3 ตัว ในเดือนหน้าจะมีเรื่องผลการพิจารณาของ FDA หากทุกอย่างผ่านไปได้จะส่งผลลบต่อราคาทองคำอีกรอบ นอกจากนั้นการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ทองคำถูกเทขาย ซึ่งเมื่อวานนี้ดาวโจนส์ได้ทำสถิติสูงสุดทะลุ 30,000 จุดไปแล้ว ยังมีแนวโน้มยังไปได้ต่อหลังจากที่พรรคเดโมแครตเตรียมเข้ามาบริหารประเทศ
ขณะที่ปัจจัยบวกต่อราคาทองคำก็ยังมี ทั้งเรื่องของการทำ QE เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจาก COVID-19 ที่ยังจะต้องมีออกมาอีก เพราะเชื่อว่าปัญหานี้จะต้องใช้เวลาอีกนาน แม้ว่าจะมีข่าวดีเรื่องของวัคซีนออกมาก็ตาม รวมถึงข่าวการเสนอให้ “เจเน็ต เยลเลน” อดีต ปธ.เฟด มานั่ง เป็นรมว.คลังสหรัฐคนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ตามมา นอกจากนั้นยังต้องรอผลการตัดสินของศาล หลังจากที่ “ทรัมป์” ได้ยื่นฟ้องว่ามีการทุจริตการเลือกตั้ง หากศาลรับฟ้องจะทำให้สถานการณ์พลิกกลับทันที และราคาทองคำจะดีดตัวแรง
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.