คำแนะนำ :
อาจรอซื้อในโซน 1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตัดขาดทุนหากราคาหลุด ทยอยปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรหากราคาไม่ผ่านแนวต้านโซน 1,813-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมระวังความผันผวนจากผลประชุมเฟดคืนนี้
แนวรับ : 1,790 1,778 1,766 แนวต้าน : 1,818 1,833 1,845
สรุป
นักลงทุนมุ่งจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ประจำวันที่ 28-29 ก.ค. ซึ่งจะทราบผลคืนนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.00-0.25% ตามเดิมและคงวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE รายเดือนในวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือนตามเดิมเช่นกัน อย่างไรก็ดี นักลงทุนรอติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม ประธานเฟด เพื่อดูสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต โดยเฉพาะความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นการลดวงเงิน QE รวมถึงมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐ หากประธานเฟดยังคงย้ำว่าเฟดไม่รีบลด QE และไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย (Dovish Tone) จะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำได้ แต่ในทางตรงกันข้าม หากประธานเฟดส่งสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการลด QE หรือโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ย เร็วกว่าที่ตลาดเคยรับรู้ (Hawkish Tone) จะเป็นปัจจัยกดดันทองคำได้เช่นกัน จึงแนะนำติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมระวังความผันผวนของราคาทองคำ เบื้องต้น ราคาทองคำอาจชะลอการปรับตัวขึ้นหลังเข้าใกล้กรอบด้านบนโซน 1,813-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เบื้องต้นยังต้องติดตามราคา หากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังมีโอกาสที่จะเผชิญแรงขายลงสู่แนวรับในโซน 1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) สหรัฐวิตกข่าวจีนสร้างไซโลเก็บขีปนาวุธอีก 110 แห่ง หวั่นสะสมอาวุธนิวเคลียร์ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กระทรวงกลาโหมของสหรัฐและสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกันได้แสดงความวิตกครั้งใหม่เมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) เกี่ยวกับการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ของจีน หลังจากที่มีรายงานใหม่ระบุว่า จีนกำลังสร้างไซโลเก็บขีปนาวุธอีก 110 แห่ง รายงานของสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์แห่งอเมริกา (AFS) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาระบุว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า จีนกำลังสร้างไซโลแห่งใหม่ใกล้กับเมืองฮามี ทางตะวันออกของภูมิภาคซินเจียง
- (+) สัมพันธ์จีน-สหรัฐไม่กระเตื้องหลังประชุมการทูตแบบตัวต่อตัวครั้งแรกที่เทียนจิน สัมพันธ์จีน-สหรัฐไม่กระเตื้อง หลังประชุมการทูตแบบตัวต่อตัวครั้งแรกที่เทียนจิน โดยจีน ระบุว่า สหรัฐเป็นตัวการทำให้เกิดภาวะชะงักงันในความสัมพันธ์ทวิภาคี และมีชาวอเมริกันบางคนพยายามวาดภาพจีนให้เป็นศัตรูในจินตนาการ ดูเหมือนว่าแม้จะปิดฉากการหารือของเจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงระหว่างสหรัฐและจีนลงแล้ว แต่ความสัมพันธ์ทวิภาคีของสองประเทศนี้ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังคงชะงักงัน โดยทั้งสองฝ่ายยังคงยืนยันว่าอีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อให้ถ้าอยากให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีงอกงามขึ้น เจ้าหน้าที่สหรัฐ ย้ำว่าการเดินทางเยือนเมืองเทียนจิน เมืองท่าทางตอนเหนือของจีนของ“เวนดี้ เชอร์แมน”รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ เพื่อพบปะหารือกับ“หวัง อี้”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีนและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆในครั้งนี้ เป็นโอกาศที่จะสร้างหลักประกันว่าการแข่งขันกันอย่างจริงจังในทุกมิติของสองคู่แข่งมหาอำนาจโลกนี้ไม่ลุกลามกลายเป็นความขัดแย้ง และเชอร์แมนถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการทูตคนแรกที่เยือนจีนนับตั้งแต่ไบเดน ก้าวขึ้นมาบริหารประเทศเมื่อ6เดือนที่แล้ว ฝ่ายจีน ที่นำโดย“เซี่ย เฟิง” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวหาสหรัฐว่าพยายามปิดล้อมและทำลายการพัฒนาของจีน พร้อมทั้งเรียกร้องสหรัฐให้เปลี่ยนความคิดและความเชื่อผิดๆ รวมทั้งเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งเหล่านี้เสีย “สหรัฐเป็นตัวการทำให้เกิดภาวะชะงักงันในความสัมพันธ์ทวิภาคี มีชาวอเมริกันบางคนพยายามวาดภาพจีนให้เป็นศัตรูในจินตนาการ”เซี่ย กล่าว
- (+) นิกเกอิปิดร่วง 388.56 จุด วิตกยอดติดโควิดพุ่งกระทบแนวโน้มศก. ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกรุงโตเกียวพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดที่ 27,581.66 จุด ลดลง 388.56 จุด หรือ -1.39%
- (-) แอสตร้าฯเผยอัตราการเกิดลิ่มเลือดอุดตันลดลงหลังฉีดวัคซีนโควิดโดสสอง แอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยในวันนี้ว่า การวิเคราะห์วัคซีน Vaxzevria ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 พบว่า อัตราการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นหลังจากการฉีดวัคซีนโดสที่สอง แอสตร้าฯ ระบุว่า อัตราโดยประมาณของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำนั้นอยู่ที่ 2.3 ต่อการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ทุกๆ 1 ล้านโดส ขณะที่หลังการฉีดวัคซีนโดสแรกนั้น อัตราการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำนั้นอยู่ที่ 8.1 ต่อการฉีดวัคซีน 1 ล้านโดส
- (+/-) ซิดนีย์สั่งขยายเวลาล็อกดาวน์ถึงสิ้นเดือนส.ค. เหตุยอดติดโควิดพุ่งไม่หยุด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ว่า นครซิดนีย์ของออสเตรเลียประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์อีก 4 สัปดาห์ไปจนถึงวันที่ 28 ส.ค.จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 31 ก.ค.นี้ หลังจากมาตรการสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้านนั้นไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาด ขณะที่เจ้าหน้าที่เตือนว่าจะบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น หากประชาชนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด
- (+/-) อังกฤษเล็งไฟเขียวผู้ฉีดวัคซีนโควิดครบโดสจากสหรัฐ-อียูเข้าประเทศไม่ต้องกักตัว หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนและเดอะ ไทม์สรายงานว่า อังกฤษเตรียมเปิดพรมแดนเพื่ออนุญาตให้นักเดินทางจากสหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้ว สามารถเดินทางเข้าอังกฤษได้โดยไม่ต้องกักตัว เดอะ การ์เดียนและเดอะ ไทม์สคาดว่า คณะรัฐมนตรีอังกฤษอาจจะหารือเกี่ยวกับแผนการดังกล่าวในวันนี้ (28 ก.ค.) ซึ่งแผนดังกล่าวจะเป็นแรงหนุนต่อธุรกิจการบินและการท่องเที่ยว เดอะ ไทม์สคาดว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจจะเริ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า ขณะที่ประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากอียูและสหรัฐนั้นอาจได้รับอนญาตให้เดินทางเข้าอังกฤษได้โดยไม่ต้องกักตัวในระยะต่อไป
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.