- Advertisement -

มาดูผลการประชุม คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวานนี้ ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ไปจนกว่าภาวะตลาดแรงงานจะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 2% และอยู่ในทิศทางที่จะปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 2% ในบางช่วงเวลา

นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดจะยังส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยคณะกรรมการจะยังคงประเมินความคืบหน้าในด้านต่าง ๆ เพื่อพิจารณาการปรับลด QE ในการประชุมครั้งต่อไป

ขณะที่ Dot Plot ประจำเดือน ก.ย. บ่งชี้ว่า จำนวนกรรมการเฟดที่หนุนการขึ้นดอกเบี้ย และหนุนให้ยังคงดอกเบี้ยตามเดิมในปี 2022 มีจำนวน 9 รายเท่ากัน

ดังนั้น หากมีกรรมการเฟดหนุนการขึ้นดอกเบี้ยในปีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกเพียง 1 ราย เฟดอาจจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปี 2022 ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดเคยประเมินไว้

ด้าน นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ระบุว่า การแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด สายพันธุ์เดลตา เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อ โควิด-19 สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ

- Advertisement -

อีกทั้ง ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า แต่ความคืบหน้าในการฉีดว้คซีนจะช่วยควบคุมการแพร่ระบาด และจะช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ เฟด ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ลงสู่ระดับ 5.9% จากระดับ 7.0% และได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ ขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากตัวเลขคาดการณ์ เดือน มิ.ย. ที่ระดับ 3.4% สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ระดับ 2%

โดยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดแรงงานยังไม่มีการขยายตัวตามที่คาดหวัง ทำให้ในการประชุมครั้งหน้า คณะกรรมการเฟดจะเริ่มพิจารณาเรื่องปรับลดวงเงิน QE หรือไม่

นายพาวเวลฯ ยังได้แสดงความเห็นต่อกรณีที่ บริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ว่า จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับสหรัฐฯ แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินทั่วโลก ในแง่ของการที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่น โดยมองว่าจะมีผลกระทบต่อจีนมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากหนี้สินที่สูงมาก ส่วนในสหรัฐฯ นั้น การผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชนอยู่ในระดับที่ต่ำมากในขณะนี้

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายวิตกกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจผิดนัดชำระหนี้หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้นั้น ประธานเฟด กล่าวว่า หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ และรัฐบาลเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ก็จะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ และตลาดการเงิน ทั้งนี้ เฟดคงไม่สามารถปกป้องตลาด หรือเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ หากเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

- Advertisement -