เกาะติดทิศทางราคาทองคำ 13-17 มี.ค.66 | พูดคุยกับ คุณสรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์ บจ.ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัซ (คลิป)
เกาะติดทิศทางราคาทองคำรอบสัปดาห์ 13-17 มี.ค.66
พูดคุยกับ คุณสรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์ บจ.ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัซ
จับตาท่าที FED แก้ปัญหาสถาบันการเงิน อาจทำให้ราคาทองคำผันผวนหนัก แนะลงทุนสั้นในกรอบ พร้อมเกาะติดข่าวใกล้ชิด
ดำเนินรายการโดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
.
รับชมคลิปเกาะติดทิศทางราคาทองคำรอบสัปดาห์ 13-17 มี.ค.66
คุณสรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บจ.ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัซ กล่าวกับ GoldAround ว่า
ราคาทองคำ spot เมื่อเช้านี้ (13 มี.ค) ได้ดีดตัวแรงต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้าราคาทองคำปรับตัวขึ้นเข้าใกล้บริเวณ 1,900 ดอลลาร์
หลังมีการสั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และ Signature Bank ก่อนที่ในช่วงเช้าวันนี้เฟดได้ตั้งโครงการ “Bank Term Funding Program” เพื่อช่วยเหลือสถาบันการเงินที่มีปัญหา
ทั้งนี้ การเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ที่อาจจะต้องลดความร้อนแรงลง ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง แม้จะชะลอตัวลงบ้างก็ตาม
แต่ก่อนจะมาถึงวันนี้ จะพาย้อนไปดูการเคลื่อนไหวตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยต้นสัปดาห์จีนประกาศตัวเลข CPI และ PPI ซึ่งออกมาต่ำทั้งคู่ แตกต่างจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ ตัวเลข PMI พลิกกลับขึ้นดูดีมาก จนทำให้เป้าหมาย GDP ที่ระดับ 5% ดูน่าเชื่อว่าทำให้ใกล้เคียงได้
เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศดูดีและเงินเฟ้อต่ำ ทำให้หลายฝ่ายจับตาว่า รัฐบาลจะมีแผนกระตุ้นด้วยนโยบายอะไร ภายใต้แรงกดดันจากชาติตะวันตกที่พยายามคว่ำบาตรทุกวิถีทาง
ต่อมาในช่วงกลางสัปดาห์ ประธาน Fed แถลงต่อสภาฯ โดยพูดให้ตีความได้ว่า “ถ้าเงินเฟ้อไม่ลงมาใกล้ 2% หรือตลาดงานไม่ออกอาการแย่ เฟดก็ยังไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ย ทำให้ Fed Fund Rate Futures พุ่งแรง
เพราะตลาดคาดว่า เฟดจะยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง พร้อมมั่นใจว่า ในการประชุมวันที่ 22 มี.ค จะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า ดอกเบี้ยของเฟดจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 6.0%
พร้อมกับเทใจว่า จะเกิด hard landing จนกดให้ inverted yield curve ลงหลุด -1%
โดยผลที่ออกมาตลาดคาดหวังว่า การที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจะมาช่วย พยุงเศรษฐกิจโลกให้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็ยังน่าถือมากกว่า เพราะได้ทั้งดอกเบี้ยที่สูง และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวงถึงยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย
ขณะที่ ความกังวลว่า เศรษฐกิจถดถอยเริ่มลดลง ที่สำคัญมองว่าถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ พัง ที่เหลืออีกค่อนโลกก็จะพังตามด้วย จึงเข้ามาถือครองดอลลาร์ ส่วนทองคำเป็นสินทรัพย์น่าสนใจลำดับถัดมา
จึงทำดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกดราคาทองคำร่วงลงแตะ แถว 1,800-1,820 ดอลลาร์ และตลาดมองว่า ถ้าหลุดคราวนี้คงจะปรับฐานลงลึก เพราะ sentiment ของตลาด คือ ดอลลาร์ยังแข็งค่าจนกว่าเฟดจะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย
จนกระทั่งวันพฤหัส ได้เกิดเหตุการณ์ “Surprised” ตลาดเมื่อ Silicon Valley Bank (SVB) ขาดสภาพคล่องจากการเร่งถอนเงินฝากออกจากธนาคาร (bank run) หลังเผยผลประกอบการขาดทุนอย่างหนักจากการขายตราสารหนี้ออกไป
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหา SVB ก็เคยเกิดปัญหา Silvergate ธุรกิจการเงินที่เป็น backup ให้ คริปโตฯ ได้ปิดกิจการไปแล้ว แต่เนื่องจากเป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใหญ่มากนัก จึงไม่ได้รับความสนใจ ซึ่งมีข่าวในเวลาใกล้ ๆ กัน ประกอบกับตัวเลข jobless claim พุ่ง สวนทางกับที่ประธานเฟดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทำให้ตลาดเงินตลาดทุนปั่นป่วน และทำให้ inverted yield curve ดีดกลับเหลือไม่ถึง -1%
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า สวนทางกับราคาที่พุ่งขึ้นแรง แต่ทว่า SPDR กลับเทขายทองคำ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาเทขายทองคำออกมา 8.97 ตัน และ Fed Fund Futures ร่วง จากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ถึง 80% กลับตกมาเหลือแค่ 60%
แต่ภาพรวมยังแกว่งตัวปรับฐาน ในกรอบ 1,800-1,860 ดอลลาร์ ทำให้ยังมีโอกาสที่จะหลุด 1,800 ดอลลาร์ ได้ ต่อมาในวันศุกร์ เมื่อเกิดเหตการณ์ “Surprised กว่า” เพราะตัวเลข ยอดจ้างงานแย่ลงมาอยู่ระดับกลาง ๆ ประกอบกับอัตราการว่างงานบวกขึ้นจากจุดต่ำสุด 3.4% เป็น 3.6% นอกจากนั้น ยังมีข่าวการปิด Silicon Valley Bank (SVB) จึงทำให้ราคาทองคำพุ่งแรง
ทั้งนี้ ก่อนที่จะเกิดข่าวการปิด SVB ข่าวเรื่องการขาดสภาพคล่องใน startup มีมาเป็นระยะ ๆ แต่ SVB ถือเป็นธนาคารใหญ่ที่ปล่อยกู้ให้ startup ก็เลยทำให้เกิดปัญหาตามมา ทำให้ทางการสหรัฐฯ ต้องเร่งแก้ปัญหา เพราะหากว่า startup มีปัญหา ก็อาจจะมีเรื่องของการจ้างงานตามมา
นอกจากนั้นยังต้องดูว่ามีสถาบันการเงินใดบ้างที่ มาร่วมลงทุนผ่าน SVB เพราะถ้าองค์กรเหล่านั้น มีปัญหา ก็อาจจะเป็น hard landing และเกิดวิกฤตความเชื่อมั่นต่อสถาบันการเงิน และอาจจำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในท้ายที่สุด
ทำให้ภาครัฐต้องรีบเข้ามาจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ให้เหมือนกับช่วงวิกฤตซับไพรม์ ทำให้มีการปิด Signature Bank ที่อยู่ใน top 50 ของธนาคารในอเมริกา ในเวลาถัดมา แม้ว่า Signature Bank จะเล็กกว่า SVB ที่อยู่ใน top 20 แต่ก็ค่อนข้างใหญ่
“ถ้าคนตื่นตัวและใส่ใจมาก ๆ มันจะยังไม่เกิดวิกฤติ คล้ายกับแมลงสาบตัวนึงโผล่มา เราจะตื่นเต้นตกใจและรีบจัดการ พอจัดการเสร็จ ตัวใหม่ไม่โผล่มาเราก็เบาใจ แต่แมลงสาบไม่เคยมาตัวเดียว และหากปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน จนทำให้คนไม่ตื่นเต้นตกใจ เมื่อนั้นแหละที่วิกฤติ ศก ของจริงกำลังจะมาเยือน”
ดังนั้น ราคาทองคำจึงพุ่งขึ้น ด้วยเหตุผลว่า ปัญหาตลาดแรงงานเริ่มออกอาการ และเฟดต้องหาจุดสิ้นสุดของ ดอกเบี้ยขาขึ้นให้ได้โดยเร็ว ประกอบกับมีสัญญาณวิกฤตการเงินโลกทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐๅฯ กลับมาอ่อนอีกครั้ง และราคาทองคำก็พร้อมที่จะมุ่งหน้าขึ้นไปแตะ 1,900 ดอลลาร์อีกรอบ
สัปดาห์นี้ ประเด็นหลักที่ต้อง ติดตามคือ ตัวเลขเงินเฟ้อ ทั้ง CPI และ PPI ที่สำคัญต้องดู PCE ที่เฟดให้ความสำคัญ ขณะที่ ตัวเลขแรงงานก็ยังสำคัญ เพราะหากว่ารอบนี้ตัวเลขว่างงานเพิ่มขึ้น ราคาทองคำจะแกว่งตัวแรง แต่ถ้าลดลงตลาดก็อาจจะกลับมาคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50%
ส่วนเรื่องของ ECB ก็คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.5% และเป็นการขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้งติดต่อกัน นับจากกลางปีที่แล้ว จาก 0 ถึง 3% เพราะเงินเฟ้อในยูโรโซนยังสูงอยู่
แต่ล่าสุดเช้าวันนี้ ประธานเฟด พร้อม รมว.คลัง สหรัฐฯ ได้แถลงแผน “Bank Term Funding Program” เพื่อปกป้องสถาบันการเงินต่าง ๆ ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการล้มละลายของ SVB แต่ทุกอย่างในอยู่ในความเสี่ยง ราคาทองเลยพุ่งแรงเพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเดียวที่เหลืออยู่
หลังจากนี้คงจะต้องจับตาท่าทีของเฟดว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จะมีการปิดธนาคารหรือสถาบันการเงินเพิ่มเติมหรือไม่ และจะต้องอัดฉีดเม็ดเงินอีกมากน้อยเพียงไร เพื่อที่จะคุมสถานการณ์
ทำให้ตลาดทองคำกลับมาอยู่ในจุดเดียวกับเมื่อเดือนที่แล้ว แต่จะต่างกันตรงที่ได้รับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตลาดงานอาจกำลังจะแย่ และวิกฤต เศรษฐกิจกำลังก่อตัวขึ้นเพื่อรอวันระเบิดแบบ hard landing
ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ราคาสินทรัพย์จึงพร้อมจะเหวี่ยงแรง ๆ แบบอ่านทางไม่ได้ตลอดเวลา จึงมองว่ากรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ จะอยู่ระหว่าง 1,800-1,900 ดอลลาร์
เนื่องจากปัจจัยตลาดต่าง ๆ มีความผันผวนตลอดเวลา และการลงทุนควรเล่นสวิงในกรอบ เน้นลงทุนสั้นเป็นหลัก ขึ้นขาย-ลงซื้อ ในกรอบราคาแต่ละช่วงเวลา จนกว่าทุกอย่างจะมีความชัดเจน หากราคาหลุด 1,800 ดอลลาร์ ยังเข้าซื้อได้และเมื่อราคา ใกล้ 1,900 ดอลลาร์ ให้ขายหนักๆ โดยเหลือไม้เล็กไว้เผื่อขายถ้าราคาทะลุ 1,900 ดอลลาร์
โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,860 ดอลลาร์ และ 1,850 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,900 ดอลลาร์ หากทะลุผ่านไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,910 ดอลลาร์
Comments are closed.