Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 11 พ.ย.63 (HGF)

- Advertisement -

236

- Advertisement -

ทองคำเริ่มฟื้นตัวจากความกังวลถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

กองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิม

ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,860-1,900 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำ Spotเมื่อวานเริ่มฟื้นตัว หลังจากเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับลงแรง 90  ดอลลาร์ เนื่องจากไฟเซอร์และ BioNTechแถลงว่าผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19ส่งผลให้ทองคำถูกเทขายออกมาและตลาดหุ้นปรับขึ้นแรง ทำให้เริ่มมีแรงช้อนซื้อทองคำเข้ามา รวมทั้งความกังวลถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และยังมีมาตรการผ่อนคลายทางการคลังและการเงินทั่วโลก ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมเมื่อวาน
  • ประเด็นที่คาดจะกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้ ได้แก่ การเมืองสหรัฐ ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์จะยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดเพื่อให้มีการตรวจสอบผลการนับคะแนนในหลายรัฐ แรงซื้อขายทองคำจากกองทุน SPDRการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังจากที่ไฟเซอร์และ BioNTechทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ได้สำเร็จ คาดว่าจะมีการทดลองวัคซีนจากบริษัทต่างๆ ได้สำเร็จในช่วงที่เหลือของปีนี้
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ  1,860-1,900  ดอลลาร์ ทองคำมีแนวรับ1,860ดอลลาร์และแนวรับสำคัญ1,850ดอลลาร์ที่เป็นจุดต่ำสุดที่ทำไว้ในวันที่ 24 ก.ย. ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับถัดไป 1,837 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,900ดอลลาร์ และ 1,920 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

- Advertisement -

Closechg.SupportResistance
1,876.60+16.01,860/1,8501,900/1,920

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
27,150-1,15026,800/26,70027,250/27,500

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
27,090-12026,910/26,80027,350/27,620

- Advertisement -

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคาทองคำ Spot 1,860 ดอลลาร์ (GF26,910 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,850 ดอลลาร์ (GF 26,800 บาท)

การลงทุนในทองแท่งแนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,850-1,860ดอลลาร์

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,880.50-1.401,863/1,8531,903/1,923

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคาGOZ201,863 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,853 ดอลลาร์

เงินบาท

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเนื่องจากเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย หลังจากที่มีความหวังการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19ถึงแม้ว่าดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ จากข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19ซึ่ง USD Futures เดือนธ.ค.63 คาดจะมีแนวรับที่ 30.30บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 30.50บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลักรับข่าววัคซีนโควิดคืบหน้า

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (10 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.02% สู่ระดับ 92.7513

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดพุ่ง 22 ดอลล์นลท.ช้อนซื้อหลังราคาร่วงหนัก

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา (10 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงเกือบ 100 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาอันเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังมีรายงานความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19  สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 22 ดอลลาร์หรือ 1.19% ปิดที่ 1,876.4 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 76.1 เซนต์หรือ 3.21% ปิดที่ 24.462 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดบวก $1.07 คาดวัคซีนหนุนเศรษฐกิจ-ดีมานด์ฟื้นตัว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (10 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ประเทศต่างๆกลับมาเปิดเศรษฐกิจและช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันให้ฟื้นตัวขึ้นด้วยสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์หรือ 2.7% ปิดที่ 41.36 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์หรือ 2.9% ปิดที่ 43.61 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ: ดาวโจนส์ปิดบวก 262.95 จุดขานรับวัคซีนโควิดคืบหน้า

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (10 พ.ย.) เนื่องจากข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ยังคงจูงใจให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างไรก็ดีดัชนีNasdaq ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากความคืบหน้าของวัคซีนยังคงทำให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเคยได้อานิสงส์จากการที่ประชาชนต้องทำงานที่บ้านในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,420.92 จุดเพิ่มขึ้น 262.95 จุดหรือ +0.90% ขณะที่ดัชนีNasdaq ปิดที่  11,553.86 จุดลดลง 159.93 จุดหรือ -1.37% ส่วนดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,545.53 จุดลดลง 4.97 จุดหรือ -0.14%

EU เริ่มเก็บภาษีสหรัฐ 4 พันล้านดอลล์ตั้งแต่วันนี้ตอบโต้กรณีหนุนโบอิ้ง

นายวาลดิสดอมบรอฟสกิสรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่าสหภาพยุโรป (EU) เตรียมใช้มาตรการตอบโต้การส่งออกของสหรัฐด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์นายดอมบรอฟสกิสกล่าวว่ามาตรการดังกล่าวจะมีผลในวันนี้ (10 พ.ย.) โดยจะเรียกเก็บภาษีกับผลิตภัณฑ์หลายประเภทตั้งแต่ชิ้นส่วนเครื่องบินไปจนถึงสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมซึ่งอัตราภาษีจะเท่ากับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐสำนักข่าวซินหัวรายงานว่าเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมาคณะทำงานระงับข้อพิพาท (DSB) ขององค์การการค้าโลก (WTO) ได้ยืนยันสิทธิ์ในการตอบโต้ของEU ต่อการที่สหรัฐให้เงินอุดหนุนที่ผิดกฎหมายแก่บริษัทโบอิ้งโคผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติอเมริกันทั้งนี้เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้วรัฐบาลสหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าEU มูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์หลังจากWTO ตัดสินให้สหรัฐสามารถเก็บภาษีนำเข้าเพื่อตอบโต้ต่อการที่EU ให้เงินอุดหนุนบริษัทแอร์บัสซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องบินของฝรั่งเศสโดยการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้แม้EU จะทำตามกฎของWTO เรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมาก็ตามประกาศล่าสุดของEU มีขึ้นหลังรัฐมนตรีการค้าของประเทศสมาชิก 27 ชาติของEU จัดการประชุมออนไลน์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาโดยหารือเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐและจีนรวมถึงแนวโน้มการปฏิรูปWTO ด้วย

ทีมไบเดนจี้หน่วยงานสหรัฐเร่งประกาศชื่อผู้ชนะหวังเร่งบริหารประเทศ

ทีมงานของนายโจไบเดนซึ่งดูแลเรื่องการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐได้เรียกร้องให้สำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐ (General Services Administration – GSA) เร่งประกาศให้นายไบเดนเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเพื่อที่นายไบนเดนจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆของรัฐบาลกลางสหรัฐซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การเปลี่ยนผ่านคณะบริหารของทำเนียบขาวเป็นไปอย่างราบรื่นทีมบริหารด้านการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งของนายไบเดนกล่าวว่านับตั้งแต่สำนักข่าวต่างๆได้ประกาศว่านายไบเดนชนะการเลือกตั้งทางเจ้าหน้าที่ของGSA ก็ควรจะสร้างความชัดเจนด้วยการประกาศชื่อผู้ชนะโดยเร็วในฐานะหน่วยงานของรัฐบาลกลางซึ่งกฎหมายได้กำหนดหน้าที่ดังกล่าวไว้นอกจากนี้ทีมบริหารของนายไบเดนยังระบุว่าหากไม่นับรวมกรณีการเลือกตั้งเมื่อปี 2543 ซึ่งผลการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างนายจอร์จดับเบิ้ลยูบุชและนายอัลกอร์เผชิญกับความไม่แน่นอนเป็นเวลาหลายสัปดาห์เนื่องจากพบปัญหาการนับคะแนนในรัฐฟลอริดาแล้วGSA มีหน้าที่สร้างความชัดเจนเกี่ยวกับการประกาศผู้ชนะภายในเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากรู้ผลการเลือกตั้งทางด้านGSA ได้ออกแถลงการณ์ว่า “ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศว่าใครเป็นผู้ชนะซึ่งเจ้าหน้าที่และคณะบริหารของGSA ยังคงดำเนินการตามกฎระเบียบภายใต้กฎหมายและยึดมั่นในกฎหมายดังกล่าวซึ่งมีการบังคับใช้ตั้งแต่สมัยคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบิลคลินตันในปี 2543”  ทั้งนี้หากนางเอมิลีดับเบิลยูเมอร์ฟีย์ผู้อำนวยการGSA ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยปธน.โดนัลด์ทรัมป์ได้ตัดสินใจประกาศว่านายไบเดนเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีก็จะช่วยให้คณะบริหารของนายไบเดนสามารถเข้าถึงเงินทุนหลายล้านดอลลาร์สำหรับใช้ในช่วงเปลี่ยนผ่านตำแหน่งแต่การตัดสินใจดังกล่าวจะตัดโอกาสของปธน.ทรัมป์ในการพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้ชนะขณะที่ทีมงานของปธน.ทรัมป์ยังคงเดินหน้าฟ้องร้องผลการเลือกตั้งเนื่องจากเชื่อว่ามีการโกงคะแนนเลือกตั้งในหลายรัฐ

ทรัมป์ทิ้งทวนสั่งปลดรมว.กลาโหมสหรัฐทันทีหลังแพ้เลือกตั้ง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ของสหรัฐได้สั่งปลดนายมาร์กเอสเปอร์รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐขณะที่ทรัมป์เหลือเวลาในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เขาพ่ายแพ้ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ให้กับนายโจไบเดนผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า “มาร์กเอสเปอร์พ้นจากตำแหน่งแล้ว” พร้อมประกาศแต่งตั้งนายคริสโตเฟอร์มิลเลอร์ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการรมว.กลาโหมแทนความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นผลมาจากความขัดแย้งในประเด็นต่างๆระหว่างทรัมป์กับเอสเปอร์โดยเฉพาะเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาปธน.ทรัมป์ขู่ที่จะใช้ทหารประจำการเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงกรณีการเสียชีวิตของนายจอร์จฟลอยด์ในมินนีอาโปลิสแต่นายเอสเปอร์ออกมาคัดค้านด้านพรรคเดโมแครตกล่าวว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทรัมป์เป็นการส่งสัญญาณที่อันตรายต่อฝ่ายตรงข้ามของอเมริกาและส่งผลกระทบต่อความหวังเกี่ยวกับการถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับนายโจไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐนางแนนซีเพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐระบุว่า “การปลดนายเอสเปอร์อย่างกระทันหันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าปธน.ทรัมป์มีเจตนาสร้างความวุ่นวายในช่วงท้ายของการปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับประชาธิปไตยของสหรัฐและทั่วโลก”  นอกจากนี้นายอดัมสมิธสมาชิกพรรคเดโมแครตและสมาชิกคณะกรรมาธิการด้านอาวุธของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวประณามพฤติกรรมของปธน.ทรัมป์ว่าทำตัวเหมือนเด็กและขาดความยั้งคิด

ขอขอบคุณ  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More