Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 9 พ.ย.63 (YLG)

- Advertisement -

222

- Advertisement -

ระยะสั้นราคามีแนวโน้มที่จะทดสอบแนวต้าน 1,967-1,977 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม สำหรับการเข้าซื้อควรรอราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับโซนที่ 1,941 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,941 1,921 1,902  แนวต้าน : 1,977 1,992 2,009

สรุป

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.24 ดอลลาร์ต่อออนซ์  และปิดตลาดในสัปดาห์ที่แล้วด้วยการทะยานขึ้น +4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.  โดยราคาได้รับอานิสงค์จากการอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ของดอลลาร์  หลังนักลงทุนปรับตัวรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ของสหรัฐ  ทำให้ทิศทางนโยบายการค้าและนโยบายต่างประเทศของสหรัฐมีแนวโน้มผ่อนคลายลงกว่าสมัยของประธานาธิบดีทรัมป์  ซึ่งช่วยลดค่าความเสี่ยงในบางสกุลเงินโดยเฉพาะเงินหยวนของจีนจนกระตุ้นแรงขายดอลลาร์  นอกจากนี้สัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์เพิ่มเติม  สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ  1,960.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนที่จะลดช่วงบวกลงโดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร  ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร  และอัตราการว่างงานประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐออกมาดีเกินคาด  ทำให้นายมิทช์  แมคคอนเนลล์ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐ ออกมาแสดงความเห็นในวันศุกร์ว่า  สภาคองเกรสควรออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังใน “วงเงินที่น้อยลง” แทนที่จะทุ่มเงินอีก 3 ล้านล้านดอลลาร์ไปกับเรื่องดังกล่าว  ซึ่งแนวโน้มที่พรรครีพับลิกันจะยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาและจะขัดขวางแผนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังขนาดใหญ่ของนายไบเดนเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกราคาทองคำเพิ่มเติม  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +7.88 ตันสู่ระดับ 1,260.30 ตัน  สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

- Advertisement -

  • (+) ดอลล์อ่อน นลท.รอผลเลือกตั้ง-ปรับตัวรับตัวเลขจ้างงาน  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ หลังจากที่มีการคาดการณ์กันว่า นายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ แต่พรรครีพับลิกันจะยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งก็จะทำให้พรรคเดโมแครตเผชิญความยากลำบากในการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19  นอกจากนี้ นักลงทุนยังปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.31% แตะที่ 92.2369  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.23 เยน จากระดับ 103.50 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8993 ฟรังก์ จากระดับ 0.9043 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3027 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3039 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1879 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1838 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3158 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3143 ดอลลาร์
  • (+) สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนส.ค.  เมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งร่วงลง 3.9% ในเดือนก.ย.
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดลบ 66.78 จุด นลท.รอผลเลือกตั้งปธน.สหรัฐ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ แม้ว่านายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตมีคะแนนนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และใกล้ที่จะได้รับชัยชนะก็ตาม นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,323.40 จุด ลดลง 66.78 จุดหรือ -0.24%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,509.44 จุด ลดลง 1.01 จุดหรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,895.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.30 จุด หรือ +0.04%
  • (-)สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตรสูงกว่าคาดในเดือนต.ค.  กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 638,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 530,000 ตำแหน่ง  ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.9% ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.7% หลังจากแตะระดับ 7.9% ในเดือนก.ย.
  • (+/-) ทรัมป์ลั่นเลือกตั้งปีนี้ยังไม่จบ พร้อมลุยใช้กฎหมายคัดค้านผลการนับคะแนน  สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ออกมากล่าววานนี้ว่า การเลือกตั้งสหรัฐประจำปี 2563 “ยังอีกไกลกว่าจะจบ” พร้อมขู่ว่าจะใช้วิธีทางกฎหมายเพื่อคัดค้านผลการเลือกตั้งอย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์นี้  ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังบรรดาสื่อสหรัฐรายงานว่า นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46  “นายโจ ไบเดน ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้ชนะในรัฐใดทั้งสิ้น นับประสาอะไรกับรัฐที่มีการแข่งขันสูงซึ่งจะมีการนับคะแนนใหม่ หรือรัฐที่เราได้ยื่นคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง เพื่อหาตัวผู้ชนะที่แท้จริง” ปธน.ทรัมป์กล่าว  อนึ่ง ทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์ได้ยื่นคำร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ในรัฐสมรภูมิอย่างเพนซิลเวเนีย มิชิแกน และจอร์เจีย ร่วมด้วยรัฐวิสคอนซิน โดยขณะนี้ ทางรัฐจอร์เจียได้ประกาศเตรียมนับคะแนนใหม่อีกครั้งแล้ว
  • (+/-) ไบเดนชนะเลือกตั้ง คว้าเก้าอี้ปธน.สหรัฐคนที่ 46 ไปครอง  สำนักข่าวเกียวโดรายงานก่อนเที่ยงคืนวันเสาร์ตามเวลาไทยว่า นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่แล้ว ขณะที่นายไบเดนระบุในแถลงการณ์ว่า เขารู้สึกเป็นเกียรติ หลังบรรดาสื่อสหรัฐรายงานว่า เขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46  “ถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะต้องรวมเป็นหนึ่ง และต้องได้รับการเยียวยา” ไบเดนระบุในแถลงการณ์
  • (+/-) “มาร์ค โมเบียส” เซียนหุ้นโลกชี้ ตลาดหุ้นสหรัฐแย่แน่ หากไบเดนเป็นปธน.  นายมาร์ค โมเบียส ผู้จัดการกองทุนตลาดเกิดใหม่ และผู้ก่อตั้งบริษัทโมเบียส แคปิตอล พาร์ทเนอร์สเปิดเผยในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันศุกร์ว่า หากนายโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครตได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ก็จะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากนายไบเดนมีแผนการที่จะเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากบริษัทและชาวอเมริกันที่ร่ำรวย  โมเบียสระบุว่า “แผนการปรับขึ้นภาษีของไบเดนจะลดความน่าสนใจของนักลงทุนในการเข้าซื้อหุ้นในตลาดวอลล์สตรีท”  “แต่ปธน.ไบเดนจะเป็นผลดีสำหรับสำหรับตลาดเกิดใหม่ และตลาดอื่นๆ ทั่วโลก เพราะนักลงทุนจะถอยออกจากตลาดสหรัฐ”  ทั้งนี้ นายโมเบียสแสดงความเห็นดังกล่าว หลังจากไบเดนมีคะแนนนำโดนัลด์ ทรัมป์ และใกล้จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ  “จะเกิดผลกระทบด้านความมั่งคั่งในสหรัฐ หากประชาชนที่ลงทุนในตลาดหุ้นคาดว่า ความมั่งคั่งของพวกเขาจะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษี พวกเขาก็จะระงับการลงทุน” โมเบียสกล่าว

ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More