- Advertisement -

เมื่อวานนี้ ราคา gold spot เหวี่ยงแรงเกือบ 40 ดอลลาร์ โดยปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 1,757 ดอลลาร์ ไปแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน ที่ 1,795 ดอลลาร์ หลังตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เดือน ก.ย. ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลมาจากต้นทุนผลิตภัณฑ์พลังงานที่พุ่งทะยานขึ้น

มีรายงานว่า นักวิเคราะห์กำลังติดตามข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด โดยหลายคนเริ่มคาด การณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่นานกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้

Edward Moya นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA กล่าวกับ Kitco News ว่า ทองคำได้รับความสนใจมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง และราคาได้พลิกกลับมาเป็นแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง หลังตลาดเริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับเงินเฟ้อผู้บริโภคในสหรัฐฯ แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง ถือเป็นข่าวดีสำหรับทองคำ

Edward Moya ชี้ให้เห็นว่า แรงกดดันเงินเฟ้อที่ต่อเนื่องมากขึ้น จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานโลก เป็นสิ่งรับประกันว่า เฟดจะเริ่มลดระดับ QE ลงในเดือน พ.ย. และมาตรการต่าง ๆ ที่ประกาศออกมา อาจจะแรงกว่าที่ประธานเฟดเคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ โดยการลด QE อาจจะแล้วเสร็จก่อนกลางปีหน้า และมีโอกาสมากกว่า 90% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเดือน ก.ย. 2565

- Advertisement -

Edward Moya กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ การรีเซ็ตแผนของเฟด จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับทองคำ และอาจจะทำให้ทองคำมีโอกาสที่จะทดสอบระดับสูงสุดตลอดกาลที่สูงกว่า 2,000 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ อีกครั้ง

ซึ่งตอนนี้ ทองคำกำลังเผชิญกับแนวต้านขนาดใหญ่ที่ 1,800 ดอลลาร์ และคาดว่าจะทดสอบระดับนี้สองสามครั้ง เพื่อหาโมเมนตั้มใหม่ ๆ และหากราคาขยับไปที่ 1,840 ดอลลาร์ ได้ จะเป็นก้าวสำคัญของทองคำ

ด้าน Philip Streible หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ Blue Line Futures กล่าวกับ Kitco News ว่า สภาพแวดล้อมของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และการเติบโตที่ต่ำกว่านั้น เรียกว่า stagflation เป็นช่วงที่ทองคำเติบโตได้ ประกอบกับ IMF ได้ลดระดับการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก และมองว่าอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นคือสภาพแวดล้อมที่ซบเซา และทองคำจะเติบโตได้ดี

Philip Streible กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ดี ราคาทองคำจะต้องมีแรงหนุนเพื่อให้ก้าวข้ามระดับ 1,800 ดอลลาร์ จากนั้นแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ 1,825-35 ดอลลาร์ และ 1,850 ดอลลาร์ แต่ยังให้จับตาผลจากการลด QE และการขึ้นดอกเบี้ย

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เดือน ก.ย. ปรับตัวขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน หลังเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เดือน ก.ย. ปรับตัวขึ้น 5.4%

- Advertisement -

หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเดือน ก.ย. ปรับตัวขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน เพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค. ที่เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 4.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือน ส.ค.

สาเหตุที่ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากต้นทุนผลิตภัณฑ์พลังงานที่พุ่งทะยานขึ้น โดยราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือน ก.ย. และพุ่งขึ้น 42.1% จากปีก่อนหน้า ส่วนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวขึ้น 3.9% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 42.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

- Advertisement -