30-6-20
คำแนะนำ :
เน้นเก็งกำไรระยะสั้น การเข้าซื้ออาจต้องรอจังหวะการอ่อนตัวลงของราคาค่อยเข้าซื้อ หรือ หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไร แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป
แนวรับ : 1,760 1,747 1,732 แนวต้าน : 1,779 1,795 1,803
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.57 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ราคาทองคำจะเผชิญกับปัจจัยกดดันหลักทั้งการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ ส่วนสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเช่นกันโดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาดถึง 44.3% ในเดือน และดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสที่พุ่งขึ้นสู่ระดับ 13.6 ในเดือนมิ.ย. สถานการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดแรงขายในตลาดทองคำ แต่การปรับตัวลดลงเป็นไปอย่างจำกัดโดยราคาทองคำร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดเพียง 1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะมีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเข้ามาพยุงราคาไว้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐโดยเฉพาะรัฐในภาคใต้และภาคตะวันตก ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ด้านความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ล่าสุดสหรัฐได้เริ่มถอนสถานะพิเศษของฮ่องกงภายใต้กฎหมายสหรัฐ ด้วยการ “ระงับ” การส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์และจำกัดการเข้าถึงของฮ่องกงต่อผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีระดับสูง นอกจากนี้ สถานการณืความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านยังคงดำเนินต่อไปเช่นกัน หลังวานนี้อิหร่านได้ออกหมายจับประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐและอีก 35 คนฐานสังหารนายพลคัสเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิหร่าน สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนยังคงเลือกที่จะถือครองทองคำเอาไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงทั้งทางเศรษฐกิจและการการเมืองระหว่างประเทศ สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI เขตชิคาโก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB รวมไปถึงจับตานายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด พร้อมกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ มีกำหนดจะแถลงต่อ คณะกรรมการบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ (U.S. House of Representatives Financial Services Committee) ในเวลา 23.30 น.ตามเวลาไทย
ปัจจัยทางเทคนิค :
ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้นต่อ โดยหากยืนเหนือระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีครึ่งโซน 1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ การขยับขึ้นจะมีแนวต้านถัดไปโซน 1,790-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดเดือน ก.พ.,ต.ค. ปี 2012) แต่หากหลุดแนวรับแรก แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน :
แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น โดยเข้าซื้อเมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงและสามารถยืนเหนือโซน 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณ 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์) และแบ่งขายทำกำไรหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) อิหร่านออกหมายจับ”ทรัมป์”ฐานสังหารผู้บัญชาการทหารระดับสูง สำนักข่าว Fars ระบุว่า เมื่อวานนี้นายอาลี อัลคาซีเมห์ อัยการอิหร่านระบุว่า อิหร่านได้ออกหมายจับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและอีก 35 คนฐานสังหารนายพลคัสเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการทหารระดับสูง และเรียกร้องให้องค์การตำรวจสากลช่วยเหลือ
- (+) ก.พาณิชย์สหรัฐยุติการให้สิทธิพิเศษแก่ฮ่องกงพร้อมระงับการส่งออกอาวุธ เมื่อวานนี้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐระบุว่า กฎของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐในการมอบสิทธิพิเศษแก่ฮ่องกง ซึ่งรวมถึงการยกเว้นใบอนุญาตส่งออก ถูกระงับแล้ว ในแถลงการณ์ นายรอสส์ระบุว่า การดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อยกเลิกการปฏิบัติเป็นพิเศษสำหรับฮ่องกงจะได้รับการประเมินเช่นกัน ขณะที่สหรัฐเพิ่มแรงกดดันต่อจีนในประเด็นการตัดสินใจของจีนในการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงต่อฮ่องกง สหรัฐเริ่มถอนสถานะพิเศษของฮ่องกงภายใต้กฎหมายสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยระงับการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์และจำกัดการเข้าถึงของฮ่องกงต่อผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีระดับสูง ขณะที่จีนเตรียมออกกฎหมายด้านความมั่นคงฉบับใหม่สำหรับฮ่องกง
- (+) WHO เตือนโควิดลามทั่วโลก ขณะผู้ติดเชื้อพุ่งในประเทศคลายล็อกดาวน์ นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วทั่วโลก ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อได้เพิ่มขึ้นในหลายประเทศที่มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ “แม้ว่าหลายประเทศมีความคืบหน้า แต่เมื่อมองในระดับโลก การแพร่ระบาดยังคงเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเราต่างก็ต้องการให้การแพร่ระบาดจบลง และเรากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่ความจริงก็คือสิ่งนี้ยังคงห่างไกลจากความเป็นจริง” นายแพทย์ทีโดรสกล่าว
- (+) เจ้าหน้าที่เตือนสหรัฐใกล้หมดเวลาในการสกัดการระบาดของโควิด-19 นายอเล็กซ์ อาซาร์ รมว.สาธารณสุขสหรัฐ กล่าวเตือนว่า สหรัฐใกล้หมดเวลาสำหรับการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่กำลังมีการระบาดไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคใต้และภาคตะวันตก “เรามีเครื่องมือที่จะดำเนินการ แต่เวลากำลังหมดลง โดยเราจำเป็นต้องทำ และประชาชนจะต้องแสดงความรับผิดชอบ เราต้องรักษาระยะห่างทางสังคม และสวมหน้ากากอนามัย” นายอาซาร์กล่าว
- (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 580.25 จุด รับหุ้นโบอิ้งดีดแรง,ข้อมูลศก.แข็งแกร่ง ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นโบอิ้งที่ทะยานขึ้นกว่า 14% และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่า รัฐต่างๆในสหรัฐจะไม่ออกมาตรการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง แม้ว่ายอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตามดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,595.80 จุด เพิ่มขึ้น 580.25 จุด หรือ +2.32% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,053.24 จุด เพิ่มขึ้น 44.19 จุด หรือ +1.47% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,874.15 จุด เพิ่มขึ้น 116.93 จุด หรือ +1.20%
- (-) สหรัฐเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายพุ่งเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 44.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ NAR เริ่มทำการเก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนม.ค.2544 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 15% หลังจากดิ่งลง 22% ในเดือนเม.ย.
- (-) เฟดดัลลัสเผยดัชนีภาคการผลิตเท็กซัสดีดตัวสู่แดนบวก ครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสพุ่งขึ้นสู่ระดับ 13.6 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ -28.0 ในเดือนพ.ค.
- (-) ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อย ขณะนักลงทุนกังวลยอดติดเชื้อโควิดพุ่ง ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐและทั่วโลก ขณะที่นักลงทุนปรับโพสิชั่นการลงทุนในช่วงท้ายไตรมาส ดัชนีดอลลาร์ ดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.1% สู่ระดับ 97.55 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนราว 0.45% แตะที่ระดับ 107.69 เยน ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นราว 0.11% แตะที่ระดับ 1.1229 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงราว 0.41% แตะที่ระดับ 1.2283 ดอลลาร์
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)