เน้นการเก็งกำไรจากการแกว่งตัว แบ่งทองคำออกขายเมื่อราคาขึ้นเข้าใกล้โซน 1,876-1,890 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือต่อหากผ่าน 1,890 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากรับความเสี่ยงได้มาก อาจเข้าซื้อหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับโซน 1,847-1,844 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,847 1,831 1,816 แนวต้าน : 1,876 1,890 1,906
สรุป
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 8.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคายังคงได้รับแรงกดดันหลักมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยจากความไม่แน่ชัดที่ว่าสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ได้หรือไม่และเมื่อใด ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.นี้ รวมไปถึงความวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังยุโรปเผชิญการระบาดของ COVID-19 ระลอกสอง ทั้งนี้ ฝรั่งเศสรายงานพบผู้ป่วย COVID-19 รายใหม่ในประเทศเพิ่มขึ้น 14,412 ราย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่วนสเปนมียอดผู้ป่วยรายใหม่ทะลุ 10,000 รายต่อวัน และถือเป็นประเทศที่พบการแพร่ระบาดรุนแรงที่สุดในประเทศยุโรปตะวันตก ขณะที่กรุงลอนดอนอาจล็อกดาวน์ฉุกเฉินเพื่อยับยั้งการระบาดของ COVID-19 แม้ดอลลาร์จะชะลอการแข็งค่าในวันศุกร์ แต่โดยรวมแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น +1.76% ซึ่งถือเป็นการแข็งค่าในรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง -4.56% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -0.3 ตันในวันศุกร์สู่ระดับ 1,266.84 ตัน สำหรับวันนี้ ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) “โกลด์แมน แซคส์”หั่น GDP สหรัฐเหลือ 3% ใน Q4 เหตุไร้แววมาตรการกระตุ้นศก. โกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4 สู่ระดับ 3% จากเดิมที่ระดับ 6% ขณะที่สภาคองเกรสยังคงไม่สามารถอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ทั้งนี้ รายงานของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า หากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวยังคงมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการเยียวยาภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ่งนี้ก็จะถ่วงการใช้จ่ายของผู้บริโภคจนถึงสิ้นปีนี้
- (+) สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนต่ำกว่าคาดในเดือนส.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5% อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนส.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% หลังจากพุ่งขึ้น 2.5% ในเดือนก.ค.
- (-) จอห์นสันฯเผยผลทดลองวัคซีนเพียงเข็มเดียวสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโควิดได้ medRxiv ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการแพทย์ได้เผยแพร่ผลการทดลองวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ในวันศุกร์บ่งชี้ว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของ J&J เพียงเข็มเดียว ก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในการต้านทานเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ในการทดลองระยะแรกและระยะที่สอง ทั้งนี้ ผลการวิจัยพบว่า วัคซีนของ J&J ที่มีชื่อว่า Ad26.COV2.S นั้น ให้ผลในการสร้างภูมิคุ้มกันที่เท่าเทียมกันแม้ในปริมาณโดสที่แตกต่างกัน
- (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ย ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) โดยนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.3% แตะที่ระดับ 94.6429 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 105.60 เยน จากระดับ 105.41 เยน, ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9288 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9264 ฟรังก์สวิส และดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3395 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3352 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.1622 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1666 ดอลลาร์, ปอนด์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.2730 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2741 ดอลลาร์
- (-) อังกฤษยอมรับยังต้องทำอีกมากเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้ากับ EU รัฐบาลอังกฤษยอมรับในวันนี้ว่า ยังคงมีงานอีกมากที่รัฐบาลต้องทำในการเจรจากับสหภาพยุโรป (EU) เพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้า นอกจากนี้ รัฐบาลยังเรียกร้องให้ EU มีท่าทีในเชิงสร้างสรรค์เพื่อให้มีการกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ทั้งนี้ การเจรจาระหว่าง EU และอังกฤษกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย และหากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนสิ้นปีนี้ อังกฤษก็จะแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) ทางด้านนายมิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าผู้แทนเจรจาการค้าฝ่าย EU กล่าวว่า EU กำลังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อังกฤษอาจแยกตัวออกจาก EU ในปลายปีนี้โดยไม่มีการทำข้อตกลง
- (+/-) ดาวโจนส์ปิดบวก 358.52 จุด แรงซื้อหุ้นเทคโนโลยีหนุนตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) หลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน โดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ช่วยหนุนตลาด แต่ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ยังคงติดลบเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ท่ามกลางความไม่แน่นอนในการออกมาตรการช่วยเหลือครั้งใหม่จากรัฐบาลสหรัฐ, ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและยุโรป ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,173.96 จุด เพิ่มขึ้น 358.52 จุด หรือ +1.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,298.46 จุด เพิ่มขึ้น 51.87 จุด หรือ +1.60% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,913.56 จุด เพิ่มขึ้น 241.30 จุด หรือ +2.26%
- (+/-) ศาลสั่งยับยั้งชั่วคราวต่อคำสั่งสหรัฐห้ามดาวน์โหลด”TikTok”จากแอพพ์สโตร์ ผู้พิพากษาศาลสหรัฐในกรุงวอชิงตันสกัดคำสั่งของคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเป็นการชั่วคราวในการห้ามบริษัท Apple Inc และ Google ของ Alphabet Inc ในการเสนอแอพพลิเคชั่น TikTok เพื่อการดาวน์โหลด ซึ่งมีผลบังคับใช้เวลา 23.59 น.ของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)