หากรับความเสี่ยงได้สามารถเข้าซื้อเมื่อราคาสามารถยืนเหนือ 1,941-1,936 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อยให้รอราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้กรอบแนวรับด้านล่างโซน 1,919-1,902 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คำนึงถึงความผันผวนของราคาจากผลการประชุมเฟด
แนวรับ : 1,936 1,919 1,902 แนวต้าน : 1,973 1,992 2,015
สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 3.97 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในระหว่างวันราคาจะทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดบริเวณ 1,972 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะยังคงจุดยืนผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไปในการประชุมที่กำลังจะเสร็จสิ้นลงในช่วงกลางดึกของคืนวันนี้ ประกอบกับในระหว่างวันสกุลเงินยูโรแข็งค่าหลังการเปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีจาก ZEW ออกมาดีเกินคาด จึงเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์จนสร้างแรงหนุนให้แก่ราคาทองคำ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้ และปรับตัวลดลงแรงโดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจาก ดัชนีดอลลาร์ที่ดีดตัวขึ้นมาปิดทรงตัวแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 93.050 หลังจากในระหว่างวัน อ่อนค่าลงไปแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 92.785 จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำร่วงลงกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับสูงสุด สู่ระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 1,947 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุนถือครองทองคำลดลง -0.43 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดค้าปลีก, ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ, ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยจาก NAHB และจับตาผลการประชุมเฟด คาดเฟด“คง” ดอกเบี้ยที่ 0.00-0.25% ตามเดิม แต่แนะนำจับตาสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต รวมถึงมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และความชัดเจนของ “กรอบนโยบายเงินเฟ้อเฉลี่ย” ผ่านทางแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟด, Economic Projections (คาดการณ์ GDP, อัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ) และ Dot Plot(คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่เฟด) ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนได้
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) รัฐบาล”ทรัมป์”โวย หลัง WTO ค้านสหรัฐรีดภาษีสินค้าจีน รัฐบาลสหรัฐแสดงความไม่พอใจ หลังจากที่องค์การการค้าโลก (WTO) มีคำตัดสินในวันนี้ว่า การที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ามากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2561 ถือเป็นการละเมิดกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ออกแถลงการณ์ระบุว่า “คำตัดสินดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า WTO ไม่ได้ช่วยเยียวยาการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องของจีน โดยสหรัฐควรได้รับโอกาสในการปกป้องตัวเองจากการดำเนินการทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะไม่ปล่อยให้จีนอาศัย WTO เพื่อมาเอารัดเอาเปรียบแรงงาน ภาคธุรกิจ เกษตรกร และชาวไร่ของสหรัฐ”
- (+) ผลสำรวจชี้นักวิเคราะห์คาดเฟดคงดอกเบี้ยใกล้ 0% ยาวถึงปี 2566 ผลการสำรวจของสำนักข่าว CNBC พบว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% และจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2566 ผลการสำรวจดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้ประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อเดือนที่แล้ว โดยเฟดจะใช้เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า “เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย” ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อมีความยืดหยุ่น และสามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 2% แทนที่จะกำหนดเป้าหมายตายตัวที่ 2% ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มน้อยลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่ออัตราว่างงานลดลง ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ดีดตัวขึ้น ผลการสำรวจพบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จากจำนวน 37 รายที่ถูกสำรวจ เชื่อว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้ว่าเงินเฟ้ออยู่เหนือระดับเป้าหมาย 2% ขณะที่นักวิเคราะห์ 45% ระบุว่า เฟดจะปล่อยให้เงินเฟ้ออยู่เหนือระดับเป้าหมายเป็นเวลา 6-12 เดือนโดยไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ 41% เชื่อว่าเฟดจะปล่อยให้เงินเฟ้ออยู่เหนือระดับเป้าหมายเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 12 เดือน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มากกว่า 50% เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้ผ่านพ้นภาวะถดถอยแล้ว โดยภาวะถดถอยได้สิ้นสุดลงในเดือนพ.ค. นักวิเคราะห์ยังคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัว 2.6% ในปีนี้ ซึ่งดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระบุว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 4.5% โดยรวมแล้ว นักวิเคราะห์ 69% ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวรวดเร็วกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
- (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 2.27 จุด นักลงทุนจับตาผลประชุมเฟด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,995.60 จุด เพิ่มขึ้น 2.27 จุด หรือ +0.01% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,401.20 จุด เพิ่มขึ้น 17.66 จุด หรือ +0.52% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,190.32 จุด เพิ่มขึ้น 133.67 จุด หรือ +1.21%
- (-) เฟดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 3.5% ในเดือนก.ค.
- (-) เฟดนิวยอร์คเผยดัชนีภาคการผลิตดีดตัวสูงเกินคาดในเดือนก.ย. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดีดตัวขึ้น 13.3 จุด สู่ระดับ 17.0 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.0 หลังจากดิ่งลง 14 จุดในเดือนส.ค.
- (-) สหรัฐเผยดัชนีราคานำเข้าเพิ่มเกินคาดในเดือนส.ค. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนส.ค. โดยปรับตัวขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 1.2% ในเดือนก.ค. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ในเดือนส.ค.
- (+/-) ดอลล์อ่อนค่าเล็กน้อย ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ขยับลง 0.01% แตะที่ 93.0501 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.45 เยน จากระดับ 105.70 เยน แต่แข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9079 ฟรังก์ จากระดับ 0.9078 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3180 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3178 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1853 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1863 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งขึ้นแตะที่ระดับ 1.2897 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2853 ดอลลาร์
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)