เน้นเก็งกำไรในกรอบ 1,927-1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเสี่ยงเปิดสถานะขายในโซน 1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากผ่าน) แล้วเข้าซื้อคืนหากราคายืนเหนือโซนแนวรับ 1,936-1,927 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,927 1,906 1,887 แนวต้าน : 1,966 1,980 1,992
สรุป
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวพุ่งขึ้น 16.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนหลักมาจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ จากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะย้ำจุดยืนผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมที่กำลังจะสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้ บวกรวมกับการที่นักลงทุนมีการเทขายดอลลาร์ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าจากความต้องการสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางการร่วงลงของตลาดหุ้นและน้ำมัน อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้นักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยง(Risk On) อีกครั้งขานรับข่าวความคืบหน้าวัคซีนต้าน COVID-19 ทั้ง “Pfizer” ที่ออกมาระบุว่าอาจสามารถกระจายวัคซีนแก่ชาวอเมริกันก่อนสิ้นปี ส่วน “รัสเซีย” เริ่มแจกจ่ายวัคซีนชื่อว่า “สปุตนิค-ไฟว์” ล็อตแรกทั่วประเทศแล้ว ขณะที่AstraZeneca-Oxford กลับมาทดลองวัคซีนต้านCOVID-19 เฟส 3 แล้วในสัปดาห์นี้ พร้อมกันนี้สินทรัพย์เสี่ยงยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากกระแสการควบรวมกิจการในตลาดโดยเฉพาะดีล”ออราเคิล” ซื้อกิจการ TikTok อีกด้วย ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่า -0.30% จนหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นกว่า 26 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 1,936.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์สู่ระดับสูงสุดบริเวณ 1,962.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index), อัตราการใช้กำลังผลิต และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ของสหรัฐ
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) ยูโรสแตทเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซนเพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนก.ค. สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลของประเทศต่างๆได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- (+) ดอลล์อ่อน นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังหุ้นพุ่งรับวัคซีนโควิดคืบหน้า ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และหันซื้อหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยง หลังมีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ก.ย.นี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.29% แตะที่ 93.0579 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.70 เยน จากระดับ 106.11 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9078 ฟรังก์ จากระดับ 0.9096 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3178 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3193 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1863 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1830 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2853 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2791 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7291 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7274 ดอลลาร์สหรัฐ
- (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 327.69 จุด ขานรับดีลซื้อธุรกิจ,วัคซีนโควิดคืบหน้า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) ขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงข่าวบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ตกลงขายกิจการ TikTok ในสหรัฐให้กับบริษัทออราเคิล นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,993.33 จุด เพิ่มขึ้น 327.69 จุด หรือ +1.18% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,383.54 จุด เพิ่มขึ้น 42.57 จุด หรือ +1.27% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,056.65 จุด เพิ่มขึ้น 203.10 จุด หรือ +1.87%
- (-) S&P คาดเศรษฐกิจอินเดียหดตัว 9% ในปีงบประมาณปัจจุบันจากพิษโควิด S&P Global Ratings สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ออกรายงานระบุว่า เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มหดตัวลง 9% ในปีงบประมาณปัจจุบัน (เม.ย.2563-มี.ค.2564)S&P ระบุว่า เศรษฐกิจอินเดียได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะฉุดการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชน ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวย่ำแย่กว่าที่ S&P คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเศรษฐกิจอินเดียจะหดตัวลง 5% ในปีงบประมาณปัจจุบัน
- (+/-) “มนูชิน”เผยรัฐบาลสหรัฐเตรียมพิจารณาดีล”ออราเคิล”ซื้อกิจการ TikTok บริษัทออราเคิล คอร์ป ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ทางบริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงกับบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต็อก (TikTok) ในการซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐ อย่างไรก็ดี ข้อตกลงดังกล่าวยังต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐ ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะพิจารณาข้อตกลงดังกล่าวในสัปดาห์นี้ “ในมุมมองของเรา เราจะให้ความสำคัญต่อความปลอดภัย โดยเราต้องมั่นใจว่าข้อมูลของชาวอเมริกันจะมีความปลอดภัย และโทรศัพท์จะมีความปลอดภัย โดยฝ่ายเทคนิคของเราจะเจรจากับออราเคิลในอีกไม่กี่วัน” นายมนูชินกล่าว
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)