- Advertisement -
19 มีนาคม 2563
นักลงทุนบางส่วนที่เกาะติดการเคลื่อนไหวราคาทองคำในช่วงนี้ อาจจะงุนงงปนแปลกใจกับการขึ้นลงของราคาทองคำในบางช่วงบางเวลา ที่ค่อนข้างจะรวดเร็ว รุนแรง และคาดเดาได้ยาก แม้ว่าสถาการณ์โดยรวมที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส โควิด-19 น่าจะเอื้อประโยชน์กับราคาทองคำ และน่าจะทำให้ราคาไต่ระดับไปมากกว่านี้ แต่เมื่อภาพของความเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงถูกเผยโฉมออกมา จึงทำให้ทองคำถูกเทขาย เพื่อนำกำไรไปอุดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินทรัพย์การลงทุนประเภทอื่น
ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวกับ GoldAround.com โดยยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ผิดไปจากเดิมมาก เพราะราคาปรับตัวขึ้นลงเร็วและแรง จากเดิมเฉลี่ยวันละ 10-20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ปัจจุบันบางวันราคาสวิงถึง 60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ สมาคมค้าทองคำ ต้องประกาศปรับเปลี่ยนราคาถึง 22 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา หรืออย่างวันนี้ (19 มี.ค.) ช่องว่างของราคากว้างมากถึง 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
บางคนอาจจะตั้งข้อสงสัยว่า ในบางช่วงเวลา เหตุใดราคาทองคำได้ถูกลากขึ้นและลงอย่างรวดเร็ว จนเข้าไปตั้งราคาซื้อ-ขายไม่ทัน นั่นเป็นเพราะว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจากไวรัสโควิด -19 ได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ดังนั้น เมื่อตลาดการซื้อขายในเอเชียเปิดในช่วงเช้าของบ้านเรา ก็จะเกิดแรงซื้อแรงเก็งกำไรจากทุกภูมิภาคเข้ามา จะไม่รอแค่ตลาดยุโรปและอเมริกาเท่านั้น เพราะฉะนั้นนักลงทุนจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ยังกล่าวถึงบทบาทของ “ทองคำ” กับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากไวรัส โควิด-19 ว่า ในภาพรวมขณะนี้สินค้าการลงทุนทุกตัวย่อยยับหมด ทั้งตลาดหุ้น ราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งความเป็นจริงแล้วทองคำน่าจะเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ในครั้งนี้ ทองคำได้แสดงสิ่งที่เรียกว่า “เซฟ เฮเว่น” หรือสินทรัพย์ปลอดภัย นั่นก็คือ การเป็นสินทรัพย์ที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว โดยบรรดากองทุนหรือนักลงทุนจะนำทองคำมาเทขาย เพื่อนำกำไรจากส่วนนี้ไปซ่อมแซมความเสียหายในสินทรัพย์ส่วนอื่น ๆ ซึ่งจะเห็นได้จากในช่วงสัปดาห์นี้ ทางกองทุน SPDR ได้เทขายทองคำออกมาแล้ว ประมาณ 40 ตัน คงเหลือการถือครองไว้ประมาณ 930 ตัน
- Advertisement -
ในช่วงสัปดาห์เศษที่ผ่านมา ทองคำถูกเทขายจนทำให้ราคาทองคำหลุดแนวรับสำคัญทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่ระดับ 1,560, 1,500 และ 1,450 ดอลลาร์ หากราคายังยืนอยู่ไม่ได้ คงจะต้องไปมองที่ ระดับราคา 1,380 ดอลลาร์ ถือเป็นแนวรับสำคัญสุด หากยังหลุดไปได้อีก จะต้องมาประเมินภาพรวมของตลาดทองคำใหม่หมด เพื่อจะดูว่าราคาทองคำยังจะช่วงขาขึ้นอีกหรือไม่
อย่างไรก็ดี มองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งสถานะของทองคำยังคงแข็งแกร่งเช่นเดิม เพราะเชื่อว่าเมื่อราคาทองคำได้ลดต่ำลงไปถึงระดับที่ควรจะเป็น จะมีแรงซื้อกลับเข้ามา เพื่อทำให้ทองคำยังคงทำหน้าที่เดิมต่อไป และยังมั่นใจว่าสุดท้ายแล้ว ราคาทองคำก็ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น เป้าหมายที่หลายคนคาดหวังไว้คือ ระดับ 1,700 ดอลลาร์ หรือ 1,800 ดอลลาร์ ยังมีความเป็นไปได้ ขณะนี้เพียงแค่รอจังหวะเวลาเท่านั้น
ทั้งนี้ หากจะมามองถึงปัจจัยที่จะมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว ก็คงจะหนี้ไม่พ้นมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาล รวมถึงธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ได้ประกาศออกมา เพื่อแก้ปัญหา และบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากไวรัส โควิด -19 ล้วนเป็นผลบวกต่อราคาทองคำแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ย การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หรือ QE รวมถึงมาตรการ การอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจในรูปแบบต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมูลค่ามหาศาล ขณะที่ทางสหภาพยุโรปเอง ก็ได้ทุ่มเม็ดเงินในการทำ QE เช่นกัน ขณะนี้มีเพียงแค่เรื่องของราคาน้ำมันเท่านั้น ซึ่งต้องมารอดูว่าการเจรจาระหว่างรัสเซีย กับซาอุดิอาระเบีย จะลงเองอย่างไร
- Advertisement -
ส่วนเรื่องของค่าเงินบาท ในวันนี้ (19 มี.ค.) ได้อ่อนค่าลงมามาก หลังค่าเงินดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้น รับการประกาศมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จึงทำให้มาช่วยพยุงราคาทองคำในประเทศไม่ให้ทรุดตัวไปมากกว่านี้ ซึ่งปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทนั้น คงจะต้องรอผลการประชุม กนง. อีกครั้ง ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับเรื่องอัตราดอกเบี้ยของไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงกับค่าเงินบาท
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ได้คาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วง 1-2 วันนี้ว่า น่าจะอยู่ระหว่าง 1,450 -1,550 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นกรอบราคาที่กว้าง แต่จำเป็นต้องกำหนดกรอบราคาเช่นนี้ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ไม่ปกติ ซึ่งนักลงทุนจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามเช่นกัน โดยอาจจะมีทั้งการกำหนดราคาซื้อ-ขาย เพื่อทำกำไรระยะสั้น และอีกส่วนอาจจะต้องซื้อเก็บเพื่อเป็นการลงทุนระยาว เพราะผู้เชี่ยวชาญจากทุกสำนักก็ชี้ตรงกันว่าราคาทองคำสามารถขึ้นไปแตะที่ 1,700 ดอลลาร์ได้ไม่ยาก เพราะปัญหาจากไวรัสโควิด -19 ยังไม่น่าจะจบในเร็ว ๆ นี้ และยังมีเรื่องของการเยียวยา และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาอีกเช่นกัน ทั้งนี้ มองว่าระดับราคาที่ 1,450 ดอลลาร์ ควรจะเป็นระดับพิจารณาซื้อเก็บเพื่อทำกำไรระยาว
- Advertisement -
