ยังมีลุ้นที่ราคาอาจไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา (YLG)
15-7-20
ยังมีลุ้นที่ราคาอาจไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,800-1,797 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,797 1,786 1,773 แนวต้าน : 1,818 1,831 1,843
สรุปราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ระหว่างวันแรงขายจะกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทำระดับต่ำสุดบริเวณ 1,789.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ราคาทองคำดีดกลับอย่างแข็งแกร่งหลังจากนั้น โดยได้รับปัจจัยหนุนหลายประการ ได้แก่ (1.) แรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความวิตกว่าการพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ในสหรัฐจะขัดขวางเส้นทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ (2.) แรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆทั้งในประเด็นต้นตอการระบาดของ COVID-19, ประเด็นฮ่องกง, ประเด็นละเมิดสิทธิมนุษยชนในมณฑลซินเจียงของจีน ไปจนถึงประเด็นทะเลจีนใต้ จนมีแนวโน้มกระทบกับการเจรจาการค้าเฟสถัดไป (3.)การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังยูโรแข็งค่าจากการคาดการณ์ว่า EU จะให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และ (4.) การเปิดเผยดัชนี CPI ทั่วไปของสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นเกินคาดถึง 0.6% ในเดือนมิ.ย.ซึ่งกดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ (Treasury Inflation-Protected Securities :TIPS) อายุ 10 ปีให้ปรับตัวลงสู่แดนลบมากขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำเช่นกัน ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดส่งผลให้ราคาทองคำทะยานขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือ 1,800 ดอลลาร์อีกครั้ง และปรับตัวขึ้นต่อได้แม้จะได้รับแรงกดดันจากการทะยานขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง ขานรับข่าวความคืบหน้าเรื่องวัคซีนต้านCOVID-19 หลัง Moderna เผยว่า วัคซีน mRNA-1273 ที่ทางบริษัทผลิตขึ้นนั้น สามารถสร้างการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันได้อย่าง “แข็งแกร่ง” ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +2.92 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) รวมถึงการเปิดเผยดัชนี Empire State Index, การผลิตภาคอุตสาหกรรม, อัตราการใช้กำลังผลิต และรายงาน Beige Book
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) “ทรัมป์”ระบุชัดไม่สนใจเจรจาการค้าระยะที่ 2 กับจีน เมื่อวานนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐปิดโอกาสการเจรจาการค้า “ระยะที่ 2” กับจีน โดยระบุว่า เขาไม่ต้องการเจรจากับจีนเกี่ยวกับการค้าเพราะการระบาดของโควิด-19 เมื่อได้รับคำถามในการสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า การเจรจาการค้าระยะที่ 2 ถูกปิดตายแล้วหรือไม่ ปธน.ทรัมป์ตอบคำถามว่า “ผมไม่สนใจที่จะคุยกับจีนในขณะนี้” ปธน.ทรัมป์ระบุว่า “เราทำข้อตกลงที่ยอดเยี่ยม” ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าระยะที่ 1 ที่ลงนามในเดือนม.ค. “แต่ทันทีที่ข้อตกลงเสร็จสิ้น หมึกยังไม่ทันแห้งและพวกเขาโจมตีเราด้วยโรคระบาดรุนแรง” ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงโควิด-19 ที่ปรากฏขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของประเทศจีน
- (+) “ทรัมป์” ลงนามกฎหมายคว่ำบาตรจีน,ยุติสถานะพิเศษของฮ่องกง เมื่อวานนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐระบุว่า เขาได้ลงนามกฎหมายเพื่อคว่ำบาตรจีนเพื่อตอบโต้ต่อการที่จีนแทรกแซงการปกครองตนเองของฮ่องกง นอกจากนั้น ปธน.ทรัมป์ยังระบุว่า เขาได้ลงนามคำสั่งบริหารเพื่อยุติสถานะพิเศษที่ฮ่องกงได้รับมายาวนานเช่นกัน เขากล่าวว่า “ขณะนี้ฮ่องกงจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่” “ไม่มีสิทธิพิเศษ, ไม่มีการปฏิบัติเป็นพิเศษในด้านเศรษฐกิจ และไม่มีการส่งออกเทคโนโลยีที่อ่อนไหว นอกจากนั้น อย่างที่ท่านทราบ เราจัดเก็บภาษีขนานใหญ่และภาษีจำนวนมากอย่างยิ่งต่อจีน”
- (+) ดอลลาร์ร่วงจากคาดการณ์เงินเฟ้อปรับขึ้น,ยูโรดีดตัว ดอลลาร์ร่วงในการซื้อขายในอเมริกาเหนือในวันอังคาร ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อปรับขึ้นเล็กน้อย และยูโรปรับตัวขึ้นจากทัศนะบวกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของแผนกระตุ้นสหภาพยุโรป (EU) ดัชนีดอลลาร์ปรับลง 0.29% มาที่ 96.271 รายงานของกระทรวงแรงงานที่เปิดเผยในวันอังคารระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐดีดตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 8 ปีในเดือนมิ.ย. หลังการร่วงลง 3 เดือนติดต่อกัน โดยการปรับขึ้นได้รับแรงผลักดันจากการดีดตัวขึ้น 12.3% ของราคาน้ำมันเบนซินหลังการร่วงลงใน 5 เดือนแรกของปี อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า เห็นหลักฐานเงินเฟ้อในสิ่งบ่งชี้อื่นๆได้ดีกว่าในดัชนี CPI “รายงาน CPI ระบุถึงเงินเฟ้อที่แท้จริงต่ำเกินไปในเศรษฐกิจสหรัฐ” นักวิเคราะห์กล่าว นักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ (Treasury Inflation-Protected Securities :TIPS) เพื่อประกันเงินเฟ้อที่คาดว่าจะปรับขึ้นจากมาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และกระทรวงการคลังจากโควิด-19 ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ปรับตามค่าเงินเฟ้อดังกล่าวติดลบนับตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. และขณะนี้อยู่ที่ -0.797% ซึ่งใกล้ระดับต่ำสุดตลอดกาล การอ่อนค่าของดอลลาร์ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นของยูโรจากความหวังที่ว่า EU จะเห็นชอบต่อดแผนการจัดสรรเงินช่วยเหลือที่จะจำกัดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อ EU จากการระบาดของโควิด-19 ยูโรปรับขึ้น 0.44% มาที่ 1.139 ดอลลาร์
- (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 556.79 จุด รับแรงซื้อหุ้นพลังงาน,ผู้ว่าฯเฟดหนุนซื้อสินทรัพย์ ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุ รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดรุกซื้อสินทรัพย์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งถูกกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 26,642.59 จุด พุ่งขึ้น 556.79 จุด หรือ +2.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,197.52 จุด เพิ่มขึ้น 42.30 จุด หรือ +1.34% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,488.58 จุด เพิ่มขึ้น 97.73 จุด หรือ +0.94%
- (-) สหรัฐเผยดัชนี CPI พุ่งสูงสุดรอบเกือบ 8 ปี หลังร่วงติดต่อกัน 3 เดือน กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปพุ่งขึ้นในเดือนมิ.ย. ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 8 ปี หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 เดือน การพุ่งขึ้นของดัชนี CPI ทั่วไปในเดือนมิ.ย.ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน ขณะที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ดัชนี CPI ทั่วไปดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2555 หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย.เช่นกัน หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558 นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน
- (-) “โมเดอร์นา”เผยผลทดลองวัคซีนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต้านโควิด-19 โมเดอร์นา (Moderna) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากสหรัฐ เปิดเผยว่า วัคซีน mRNA-1273 สำหรับต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางบริษัทผลิตขึ้นนั้น สามารถสร้างการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันได้อย่าง “แข็งแกร่ง” โมเดอร์นาออกแถลงการณ์ในช่วงค่ำวันอังคารตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยระบุว่า ผลการทดลองขั้นต้นในการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 กับผู้ป่วย 45 คนพบว่า ผู้ป่วยทั้งหมดมีการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันในระดับที่แข็งแกร่ง
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)