- Advertisement -

ราคาทองคำยังยืนเหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง เนื่องจากนักลงทุนยังรอผลการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯ เพราะหวั่นว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว  

Charlie Nedoss, senior market strategist with LaSalle Futures  กล่าวกับ Kitco News ว่า คืนการเลือกตั้งในปี 2559 ถือเป็นการแกว่งครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของทองคำ โดยราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้นในช่วงค่ำหลังจากที่ “โดนัล ทรัมป์” เริ่มได้รับชัยชนะในรัฐที่เป็น สวิงเสตท ที่สำคัญ ๆ รวมถึงโอไฮโอและฟลอริดาและนอร์ทแคโรไลนา

ทั้งนี้แม้ว่าทองคำดูเหมือนเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่นักลงทุนคาดว่าชัยชนะของ”ทรัมป์”จะสร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองในตลาดการเงิน ทำให้มีการเทขายหุ้นออกมา ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนยังคาดการณ์ด้วยว่า”ทรัมป์” จะใชนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ

อย่างไรก็ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นไม่นาน หลัง “ทรัมป์” กล่าวสุนทรพจน์หลังได้รับชัยชนะ ก็จุดประกายความเชื่อมั่นของนักลงทุน ตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวขึ้น นักลงทุนหลายคนเริ่มคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะเป็นผลดีต่อตลาดทุน และในเช้าวันต่อมา ราคาทองคำมีการแกว่งตัว 10% ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

- Advertisement -

นักวิเคราะห์หลายคนเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างการเลือกตั้งปีนี้ กับเมื่อสี่ปีที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญหลายคนคาดการณ์ว่า “ฮิลลารี คลินตัน” จะกลายเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป และในครั้งนี้ผลสำรวจ ก็คิดว่า “โจ ไบเดน“ ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตมีโอกาสที่จะชนะ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนยังเห็นว่าพรรคเดโมแครต จะสามารถควบคุมสภาคองเกรสได้ที่นั่ง 52 ที่นั่ง และได้รับเสียงข้างมากในวุฒิสภา

อย่างไรก็ตามหลายคนยังไม่คงไม่ปักใจเชื่อ เพราะในปีนี้อาจจะมีการโต้แย้งเกิดขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้คงคะแนนล่วงหน้ามีมาก และต้องขยายระยะเวลาการนับคะแนนออกไป

Daniel Briesemann, precious metals analyst at Commerzbank กล่าวกับ Kitco News ว่า แม้ผลสำรวจความคิดเห็น “ไบเดน” ดูเหมือนจะชนะการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งในระยะสั้นจะส่งดีต่อราคาทองคำ หาก”ไบเดน” และพรรคเดโมแครต ได้รับชัยชนะ  เพราะมีความคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และนั่นจะเป็นผลดีอย่างยิ่งสำหรับทองคำ

แต่หากผลการเลือกตั้งถูกโต้แย้ง จะทำให้เกิดความยืดเยื้อ และเกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งจะยิ่งเป็นผลดีต่อราคาทองคำ ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง

Ole Hansen, head of commodity strategy at Saxo Bank. กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเลือกตั้งปธน.สหรัฐ ในปีนี้ แตกต่างจากเมื่อ 4 ปีก่อนอย่างมาก คือการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปกว่า 230,000 คนและยังทำลายล้างเศรษฐกิจในวงกว้าง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์หลายคนมองตรงกันว่าไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ก็จะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ดังนั้นผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ จะไม่ใช่ตัวที่จะเปลี่ยนปัจจัยพื้นฐานในการลงทุนทองคำ

- Advertisement -

CR:kitco news

- Advertisement -