Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

จับตา FED เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยแรง กูรูมองทองดิ่งช่วงต้นก่อนจะฟื้นเพราะได้เงินเฟ้อหนุน

- Advertisement -

1,741

- Advertisement -

ในช่วงดึกคืนนี้ ต้องจับตามองผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งตลาดคาดการณว่า เฟดจะเริ่มใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดที่สุดในรอบ 28 ปี โดยอาจจะประเดิมด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%

แต่นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มากมายเกี่ยวกับการตัดสินใจที่จะเกิดขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ก็เป็นได้ โดยนักเศรษฐศาสตร์บางคนมองว่า มีโอกาส 20% ที่เฟดจะเคลื่อนไหวเชิงรุกมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม Fed WatchTool ของ CME แสดงให้เห็นว่า มีโอกาสเกือบ 100% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือน มิ.ย.

Win Thin

โดย Win Thin, Global Head of Currency Strategy at Brothers Brothers Harriman กล่าวว่า

- Advertisement -

ตลาดมองว่า อัตราดอกเบี้ยในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 3.25 นอกเหนือจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นแล้ว เฟดยังเตรียมจะเริ่มลดงบดุลลง 95 พันล้านดอลลาร์ ต่อเดือน

ขณะที่ Colin Cieszynski, chief market strategist at SIA Wealth Management กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Kitco News ว่า

เมื่อ ธ.ค. ที่ผ่านมา ตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น 0.75% ตลอดทั้งปี แต่เฟดถูกบังคับให้เปลี่ยนจุดยืน เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง หลังจากต้นทุนอาหารและพลังงานได้เพิ่มสูงขึ้น ในเดือน มี.ค. ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ รายปีเพิ่มขึ้น 8.5% สูงสุดในรอบ 40 ปี

โดย นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้เน้นย้ำถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ หากธนาคารกลางไม่ได้รับการควบคุมเงินเฟ้อ และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงสุดในช่วงเวลานี้และจะลดลงในปีหน้า ดังนั้นเฟดจึงต้องเดินหน้าคุมเข้มเรื่องเงินเฟ้ออย่างจริงจัง

ทั้งนี้ ท่าทีในการใช้นโยบายการเงินที่แข็งกร้าวของเฟด ได้สร้างความเสียหายให้กับตลาดการเงิน เมื่อเดือนที่แล้ว S&P 500 ร่วงลงเกือบ 5.5% และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2018

- Advertisement -

แม้ว่า ราคาทองคำ จะปรับตัวดีกว่าราคาหุ้น แต่ก็ยังมีความผันผวนอย่างมาก เมื่อยิ่งเข้าใกล้การประชุมของเฟดในวันที่ 3-4 พ.ค. ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ทำให้เมื่อเดือนที่แล้ว ราคาทองคำร่วงเกือบ 2% โดยราคาอยู่ต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์ ต่อออนซ์

ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาทองคำร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน เนื่องจากนักลงทุนได้เทขายทองคำก่อนการตัดสินใจนโยบายการเงินของเฟด แต่นักวิเคราะห์หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ในอดีตทองคำได้ลดลงในระดับต่ำสุดในช่วงเริ่มต้นการดำเนินนโยบายของเฟด และนักวิเคราะห์บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ป้องกันเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เนื่องจากนโยบายของเฟด ได้เพิ่มความเสี่ยงของภาวะซบเซา หรือแม้กระทั่งภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นักเศรษฐศาสตร์บางคนสังเกตเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่าง ในการใช้โยบายการเงินที่เข้มงวดของเฟดในปัจจุบันกับเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว โดยในปี 1994 ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50 % สองครั้ง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สาม ที่ 0.75% โดยในปีนั้น ธนาคารกลางได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็น 6% ในการปรับขึ้นอย่างรวดเร็วเจ็ดครั้ง อย่างไรก็ตามในปี 1995 เฟดต้องเปลี่ยนนโยบายอย่างรวดเร็วและลดอัตราดอกเบี้ย

Sal Guatieri

Sal Guatieri, senior economist at BMO Capital Markets กล่าวว่า

นโยบายการเงินของ Fed เป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดต่อเศรษฐกิจ เมื่อพิจารณาจากหลายสิ่งหลายอย่างที่อาจผิดพลาดได้ อัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง, อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น, ความขัดแย้งที่แผ่ขยายออกไปนอกยูเครน, ขยายการล็อคดาวน์ในจีน, และความตึงเครียดที่รุนแรงยิ่งขึ้นของ ไวรัส ซึ่งปัจจัยทั้งหมด สามารถทดสอบความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจได้

ภัยคุกคามจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เพิ่มขึ้นอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากข้อมูล GDP ของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจหดตัว 1.4% ในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ นักเศรษฐศาสตร์บางคนมองว่า สาเหตุมาจากความไม่สมดุลทางการค้า แต่นักเศรษฐศาสตร์อีกหลายคน ตั้งข้อสังเกตว่า อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น เริ่มส่งผลกระทบต่อการบริโภค ซึ่งจะส่งผลเสียต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

Kristina Hooper, chief global market strategist at Invesco มองว่า

อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยคาดว่า CPI ของสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 5% ภายในสิ้นปีนี้ โดยเป็นผลมาจากสงครามในยูเครน ที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งอาจทำให้เฟดจำเป็นต้องเดินตามแผนที่วางไว้ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ แต่ในอนาคตหากข้อมูลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อลดลงก็คาดว่าเฟดจะปรับลดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน

ที่มา: Kitco.com

- Advertisement -

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More