Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

YLG ชี้ หากผล FOMC ไม่พลิกล็อค อาจะเห็นทองคำปิดเหนือ $1,800 ในปีนี้

- Advertisement -

406

- Advertisement -

ในสัปดาห์นี้ เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่จะต้องจับตาใกล้ชิด เพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จะจัดการประชุมนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 14-15 ธ.ค.

โดยก่อนหน้านี้ ตลาดคาดการณ์ 100% ว่า เฟด จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.00-0.25% ตามเดิม แต่อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน พ.ค. ปีหน้า และจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 3 ครั้ง ในปีหน้า

สอดคล้อง Goldman Sachs Group Inc. ที่คาดการณ์เช่นกันว่า เฟดจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน เดือน มิ.ย. และจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดอีก 2 ครั้ง ในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. รวมกันเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปี 2022

พร้อมกันนี้ ตลาดคาดการณ์ว่า เฟด จะประกาศปรับเปลี่ยนวงเงินในการลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE (QE Tapering) โดยมีแนวโน้มจะ “เพิ่ม” จากปัจจุบันที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่อเดือน เป็น 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่อเดือน เริ่มในเดือน ม.ค. ปีหน้า ซึ่งทำให้กระบวนการ Taper QE จะสิ้นสุดลงในเดือน มี.ค. และจะเปิดโอกาสให้เฟดสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในเดือน มี.ค.

- Advertisement -

คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าวกับ GoldAround.com ว่า การประชุมรอบ FOMC นี้ เป็นการประชุมรายไตรมาส จึงมีความสำคัญ เพราะจะมีการเปิดเผยรายงานสำคัญของเฟด ได้แก่ Economic Projections (คาดการณ์ GDP, อัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ)

โดยตลาดคาดว่าเฟดจะมีการปรับคงการคาดการณ์ GDP และ ลดการคาดการณ์อัตราการว่างงาน แต่เพิ่มการคาดการณ์เงินเฟ้อในปีหน้า

นอกจากนั้น ยังมี Dot Plot ( คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่เฟด ) ซึ่งใน Dot Plot ครั้งล่าสุด ในเดือน ก.ย. แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่เฟดครึ่งหนึ่งคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 หรือ 2 ครั้ง ในปีหน้า

แต่ Median ยังคงบ่งชี้ว่า เฟดจะคงดอกเบี้ยในปี 2022 ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2023 ทำให้มีแนวโน้มว่า Dot Plot ครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลง โดยอาจสะท้อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีหน้า และจะปิดท้ายด้วยการแถลงการณ์ของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด

- Advertisement -

YLG ประเมินว่ารายงานทั้ง 3 ประการข้างต้น จะทำให้ตลาดเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกเมื่อใด รวมถึง เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าและปีถัด ๆ ไป ทั้งหมดกี่ครั้ง ซึ่งความชัดเจนดังกล่าว จะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า

ภาพ : กรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะสั้น

ส่วนการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาทองคำ หลังการประชุมในครั้งนี้ ในระยะสั้นราคาพยายามสร้างฐานราคาเหนือบริเวณ 1,760 ดอลลาร์ พร้อมกับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะ 10 วัน บริเวณ 1,779 ดอลลาร์ สะท้อนมุมมองเชิงบวกเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี ราคายังติดแนวต้าน ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 50, 100 และ 200 วัน บริเวณ 1,795-1,790 ดอลลาร์ ทำให้แนวโน้มดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนสูง

ส่วนในระยะกลาง ราคาทองคำปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway down ในระยะกลางอีกครั้ง ดังนั้น แม้ทิศทางในระยะสั้นจะเป็นบวก แต่ YLG แนะนำเช่นเดิมว่า ควรจะแบ่งขายทำกำไรในทุกครั้งที่ราคาทดสอบแนวต้าน แล้วรอการเข้าซื้อเมื่อราคาทองคำปรับตัวลดลง เนื่องจากภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังมีความไม่แน่นอน

“หากเฟดส่งสัญญาณในเชิง Hawkish มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หรือ Dot Plot บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มากกว่า ที่ตลาดคาดการณ์ จะเป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้แข็งค่า ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำได้ ในทางกลับกัน หากเฟดส่งสัญญาณในเชิง Hawkish น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ แถลงการณ์ของประธานเฟด ก่อให้เกิดการคาดการณ์ต่อว่า เฟดยังไม่เร่งรีบในขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือ Dot Plot บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย น้อยกว่า ที่ตลาดคาดการณ์ จะเป็นปัจจัยกระตุ้นแรงซื้อทองคำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว

ทั้งนี้ YLG มองว่า ถึงแม้การคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดจะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ แต่จะเห็นได้ว่า ราคาทองคำมีการ Price in การคาดการณ์ดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว

ขณะที่ตลาดคาดการณ์ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 2-3 ครั้ง ในปีหน้า โดยมองว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า ซึ่งถือว่าเป็นการคาดการณ์ที่ค่อนข้างแข็งกร้าว เมื่อเทียบกับจุดยืนปัจจุบันของเฟด

ดังนั้น หากผลการประชุมบ่งชี้ว่า เฟดมีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีหน้า แม้ว่าเงินเฟ้อจะอยู่เหนือเป้าหมายของเฟดก็ตาม คาดว่าราคาทองคำอาจปรับตัวลงในกรอบจำกัด และสามารถฟื้นตัวขึ้นมาปิดตลาดในปีนี้บริเวณ 1,800 ดอลลาร์

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน ยังคงลงทุนในกรอบของการแกว่งตัวได้ พร้อมกับตั้งตัดขาดทุนเพื่อควบคุมความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน

สำหรับผู้ที่มีทองคำในมือ แนะนำ ให้ขายทำกำไรระยะสั้น เพื่อลดความเสี่ยงบริเวณแนวต้าน 1,796-1,808 ดอลลาร์ แต่หากผ่าน 1,808 ดอลลาร์ ไปได้ แนะนำถือต่อ เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสที่ราคาจะดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,821-1,833 ดอลลาร์

สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำอยู่ในมือ ประเมินว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำ เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ แต่แนะนำให้เน้นทำกำไรระยะสั้นเป็นหลัก โดยหาจังหวะซื้อคืนบริเวณแนวรับ 1,767-1,751 ดอลลาร์ และอาจชะลอการเข้าซื้อหากราคาหลุด 1,751 ดอลลาร์

ขอขอบคุณ YLG

- Advertisement -

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More