- Advertisement -

จากเหตุการณ์ที่ชาวเน็ตในบอร์ดย่อยทีชื่อว่า WallStreetBets บน Reddit ได้นัดรวมตัวกันซื้อ หุ้น GameStop  หลังหุ้นตัวดังกล่าว ถูก Short sell ทำให้หุ้นของ GameStop พุ่งขึ้น 1600% YtD และทำให้ กองทุน hedge funds ที่ทำ Short sell ต้องปิดสถานะ Short ด้วยการซื้อคืน (short squeeze) ซึ่งยิ่งดันราคาให้ทะยานขึ้น พร้อมกับกระตุ้นให้เกิดแรงขายในหลักทรัพย์อื่นๆ จากความต้องการเงินสดเพื่อชดเชยผลขาดทุนจากการปิดสถานะ Short (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม..)

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา WallStreetBets ได้เรียกร้องให้นักลงทุนรายย่อยเข้าซื้อราคาโลหะเงิน เพื่อผลักดันราคาให้สูงขึ้น โดยพุ่งเป้ากดดันให้บรรดา Bullion banks ที่มักจะถือสถานะขาย(short position)ต้องเร่งรีบปิดสถานะด้วยการซื้อคืนเพื่อตัดขาดทุนหลังจากราคาปรับตัวสูงขึ้น (short squeeze) สถานการณ์ดังกล่าวหนุนราคาโลหะเงินให้พุ่งขึ้นเกือบ +6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

นางสาว ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าวกับ GoldAround ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อตลาดทองคำ ทั้งในแง่บวกและลบ โดยผลเชิงลบต่อราคาทองคำ คือ กองทุน Hedge funds ที่เผชิญกับภาวะขาดทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์จำเป็นต้องขายหลักทรัพย์อื่นๆ เพื่อนำเงินสดไปชดเชยผลขาดทุนจากสถานะชอร์ตจนกระตุ้นแรงซื้อ สกุลเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย

นอกจากนี้ความวิตกภาวะผันผวนในตลาดที่เกิดจากการปั่นราคาสินทรัพย์ของนักลงทุนรายย่อย รวมไปถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาด กระตุ้นแรงซื้อสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่กลับมากดดันการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ

ส่วนผลเชิงบวกที่เกิดขึ้นต่อตลาดทองคำในขณะนี้ คือราคาทองคำได้รับอานิสงค์จากการพุ่งขึ้น ของโลหะเงินเนื่องจากทองคำและโลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน

- Advertisement -

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ดีมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะเกิดปฏิบัติการณ์ดังกล่าวในตลาดทองคำ เพราะตลาดทองคำมีขนาดใหญ่มาก เกินกว่าที่นักลุงทนรายย่อยจะเข้ามาผลักดันการเคลื่อนไหวของราคาได้ ถ้าเทียบขนาดของตลาด พบว่า GameStop มีมูลค่าตลาด 1.2 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปี และเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากการผลักดันของนักลงทุนรายย่อย ก็ทำให้มูลค่าตลาดแตะ 2.42 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะที่ตลาดโลหะเงินก็มีขนาดใหญ่กว่าหุ้น GameStop โดยมีโลหะเงินปริมาณ 1.65 พันล้านออนซ์ถูกเก็บไว้ในห้องนิรภัยของลอนดอนเพียงแห่งเดียว ซึ่งคิดมูลค่าประมาณ 4.389 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าใหญ่กว่ามูลค่าตลาดของ GameStop เกือบ 2 เท่า

“มาดูตลาดทองคำ ซึ่งใหญ่กว่านั้นอีกหลายเท่า เพราะมีทองคำจำนวนถึง 197,576 ตันที่ถูกขุดขึ้น มาแล้วหมุนเวียนอยู่ในภาคเครื่องประดับ, การลงทุน, การถือครองของธนาคารกลาง และอื่นๆ ดังนั้นหากคำนวณมูลค่าจากราคาทองคำ ณ วันที่ 1 ก.พ. 2021 ที่ระดับ 1,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์พบว่า Market Cap ของทองคำทั่วโลกในปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 11.88 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐดั้งนันตลาดทองคำจึงมีขนาดใหญ่กว่ามูลค่าตลาดของ GameStop เกือบ 480 เท่า นั่นต้องใช้เม็ดเงินมูลค่ามหาศาลจึงจะเข้ามาแทรกแซงตลาดทองคำได้ อย่างไรก็ดีราคาทองคำไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้นในทางอ้อมได้เช่นกัน นักลงทุนทองคำจึงต้องติดตามความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เชื่อว่าการระบาดของ COVID-19 เป็นส่วนสำคัญ เนื่องจากการ Workformhome หรือแม้แต่คำสั่ง  Stay at home ได้ผลักดันให้นักลงทุนรายย่อยเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดหุ้นของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 20% ในปี 2020 จากระดับ 15% ในปี 2019 ขณะที่มาตร การกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังอย่างไม่เคยมีมาก่อน และ easy money จากธนาคารกลางเป็นอีกปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนรายย่อยมีเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

- Advertisement -

ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG

- Advertisement -