สรุปแนวโน้มราคาทองคำและกลยุทธ์ลงทุน วันนี้ 8 พ.ย.67
gold spot พยายามรีบาวด์ยืนเหนือ $2,700 หลัง FED ลด ดบ. พร้อมขู่ “ทรัมป์” แทรงแซงไม่ได้ ส่วนทองไทยบวกไม่มาก เงินบาทกลับมาแข็งค่า
ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
ราคาทองคำไทย วันนี้ (8 พ.ย.) สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาแรกของวัน เพิ่มขึ้น 150 บาท
ทำให้ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 อยู่ที่ 43,450 บาท ส่วนราคารับซื้อ 43,350 บาท ขณะที่ราคาทองรูปพรรณราคาขายออก 43,950 บาท ส่วนราคารับซื้อ 42,569.28 บาท คำนวณจากเงินบาทที่ 34.02 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวแข็งค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.27 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่า หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ย่อตัวลงจากที่ปรับขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้านี้ ส่วนวันนี้คาดเคลื่อนไหวนกรอบ33.95 – 33.25 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ฮั่วเซ่งเฮง มองว่า
คาดราคาทองคำแท่งอาจฟื้นตัวขึ้นระยะสั้น หลังแตะบริเวณแนวรับของเส้น SMA20 โดยราคาทองคำแท่งมีแนวต้านบริเวณที่ 43,750-43,800 บาท จับตาบริเวณแนวต้านดังกล่าว หากไม่ผ่านอาจมีแรงเทขายออกมา แนะนำ Wait&see หรือขายทำกำไรระยะสั้น ส่วนแนวรับอยู่ที่ 43,350 และ 43,200 บาท
ไปดูภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ gold spot วานนี้ ( 7 พ.ย.) ราคาทองคำเริ่มมีการฟื้นตัวและปรับตัวขึ้นแรง 44 ดอลลาร์ โดยไปแตะจุดสูงสุดที่ 2,710 ดอลลาร์ ก่อนจะมาปิดตลาดที่ 2,706 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75%
นอกจากนี้ประธานเฟดแถลงมั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐ และเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวลง โดยประธานเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อไป พร้อมระบุชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของ “โดนัลด์ ทรัมป์” จะไม่ส่งผลโดยตรงต่อนโยบายการเงินของเฟด และการเมืองจะเข้ามาแทรกแซงเฟดไม่ได้
คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของม.มิชิแกน (เบื้องต้น) ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 71.0 จาก 70.5 ในเดือนต.ค.
มุมมองการลงทุนจากบริษัทค้าทองคำในไทย ทาง T.D.C. Gold มองว่า
ราคาทองคำรีบาวน์กลับขึ้นเหนือระดับ 2,700 ดอลลาร์อีกครั้งในลักษณะของเทคนิคลรีบาวน์ ซึ่งการปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับที่ลงมาเป็นประมาณครึ่งหนึ่ง ทำให้การปรับตัวลดลงอาจจะกลายเป็น Sideway แทนที่จะเป็นการปรับตัวลดลงแรง
ปัจจัยหลักมาจาก การปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ลง 0.25% และการที่ประธาน Fed ยืนยันว่าการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยจะไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง หลังตลาดประเมิน โดนัลด์ ทรัมป์ มาดอกเบี้ยจะสูง
ขณะที่ YLG Bullion ระบุว่า
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากทิ้งตัวลงแรง สะท้อนความผันผวนของราคาในระดับสูง ทั้งนี้ยังคงเห็นแรงขายเข้ามากดดันราคาเพิ่มขึ้น หากราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway down
แนะนำเปิดสถานะขายหากราคาไม่ผ่านแนวต้าน 2,710-2,727 ดอลลาร์ ตัดขาดทุน 2,727 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่บริเวณ 2,681-2,662 ดอลลาร์ หากไม่หลุดแบ่งปิดสถานะขายทำกำ ไร
ขณะที่ InterGOLD มองว่า
เมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาทองคำดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรง ตอบรับข่าวการประกาศลดดอกเบี้ย 0.25% ของเฟดตามที่คาดการณ์ไว้ การลดดอกเบี้ยรอบนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ในอนาคต โดยเฟดตัดสินใจตามข้อมูลปัจจุบันเท่านั้น
อีกทั้งเฟดยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้ออาจดีดตัวขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งพวกเขาจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ ณ ตอนนี้ยังถือว่าภาวะอยู่ในระดับดี
คำแนะนำตลาดได้รับข่าวการลดดอกเบี้ยจากเฟด ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมารับข่าวในระยะสั้น หากนักลงทุนที่ถือทองคำในปริมาณมากเกินไป
แนะนำให้ Cut loss บางส่วนเพื่อเก็บเงินสดไว้ และรอเข้าซื้อในช่วงราคาปรับลดลงมา โดยแนวรับระยะสั้นอยู่ที่บริเวณ 2,660 ดอลลาร์ หรือ 43,100 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 2,710 ดอลลาร์ หรือ 43,550 บาท
ด้าน SCT Gold มองว่า
ปธ.เฟดยังแทงกั๊กเรื่องนโยบายดอกเบี้ยนอนาคต ทำให้ภาพรวมราคาทองคำมีย่อและรีบาวด์ดูเป็นกลางๆ เช่นกัน โดยราคาทองคำน่าจะแกว่งในกรอบ 2,670-2,730 ดอลลาร์ โดยราคาจะผันผวนต่อนวันนี้ไปจนสัปดาห์หน้า ซึ่งในวันพุธมีประกาศดัชนีเงินเฟ้อที่มีผลต่อราคาทองคำ
คืนนี้ไม่มีกาประกาศตัวเลขสำคัญ แต่ที่สำคัญต้องรอดูว่าราคาทองคำจะยืน 2,700 ดอลลาร์ ได้หรือไม่ ถ้ายืนได้จะเข้าโหมดรีบาวด์ไปทดสอบ 2,720-2,740 ดอลลาร์อีกรอบ แต่หากยืน 2,670 ดอลลาร์ไม่ได้ก็มีสิทธิ์ที่จะร่วงไป 2,600 ดอลลาร์ต้น ๆ ได้
กลยุทธ์การลงทุนราคาทองคำยังเคลื่อไหวซิกแซกขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านใหญ่ที่ 2,750 ดอลลาร์ มีแนวรับสำคัญที่ 2,650 ดอลลาร์ โดยในช่วงนี้สามารถเทรดกรอบ 30-40 ดอลลาร์ได้ และลดพอร์ตการถือระยะยาว มาเทรดสั้นย่อซื้อ-ขึ้นขายกันดีกว่า เพราะ โดนัลด์ ทรัมป์ มาได้เปลี่ยนทิศทางทองระยะกลางและยาวแล้ว
ปิดท้ายที่ เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์
ให้แนวรับรายวัน 2,680 และ 2,645-2,640 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านรายวันอยู่ที่ 2,710 และ 2,720-2,725 ดอลลาร์
รับชมคลิป
Comments are closed.