สรุปแนวโน้มราคาทองคำและกลยุทธ์ลงทุน วันนี้ 7 ต.ค.67
ทองคำไทยยังบวกต่อลุ้นแตะ 42,000 บาท เงินบาทยังอ่อนค่าเปิดสัปดาห์อยู่ที่ 33.40 บาท gold spot ขยับแนว $2,650 รอดูสถานการณ์ ตอ.กลาง
ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาแรกวันนี้ ( 7 ต.ค.) เพิ่มขึ้น 100 บาท
ทำให้ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 อยู่ที่ 41,800 บาท ส่วนราคารับซื้อ 41,700 บาท ขณะที่ราคาทองรูปพรรณราคาขายออก 42,300 บาท ส่วนราคารับซื้อ 40,947.16 บาท
คำนวณจากเงินบาทที่ 33.41 บาทต่อดอลลาร์ เงินบาทเปิดสัปดาห์อ่อนค่าลงจากปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ โดยเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับสกุลเงินภูมิภาคและตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่า ส่วนวันนี้คาดเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.50 บาท/ดอลลาร์
ทั้งนี้ ฮั่วเซ่งเฮง มองว่า
แนวโน้มค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง และคาดว่าเงินบาทจะอ่อนค่าเข้าใกล้ 34 บาทอีกครั้ง ทำให้หนุนราคาทองคำแท่งให้ปรับตัวขึ้น แม้ราคาทองคำโลกจะปรับตัวลง แต่อาจปรับตัวลงไม่มากนัก
ในระยะนี้ราคาทองคำแท่งในประเทศจึงมีความน่าสนใจมากกว่าราคาทองคำโลก และราคาทองคำแท่งจึงคาดว่าอาจมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ แนะนำ Let Profit Run โดยให้แนวรับที่ 41,550 และ 41,450 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 41,750 และ 41850 บาท
ขณะที่ภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ gold spot สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ก่อนจะปิดตลาดในแดนลบที่ 2,653 ดอลลาร์ ลดลงไป 5 ดอลลาร์ โดยในศุกร์ ราคาได้เหวี่ยงในกรอบ 2,670-2,632 ดอลลาร์ ก่อนจะปิดตลาดลดลง 3 ดอลลาร์ เป็นการปิดตลาดนแดนลบ 3 วันติดต่อกัน
โดยราคาทองคำถูกกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่ามากสุดในรอบ 7 สัปดาห์ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่ง แข็งแกร่งกว่าตลาดคาด ซึ่งตอนนี้ตลาดคาดว่าไม่มีโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน พ.ย.
อย่างไรก็ตามการปรับลดลงของราคาทองคำยังอยู่ในกรอบจำกัด โดยได้สถานการณ์ความขัดแย้งตะวันออกกลางหนุนไว้ ซึ่งวันนี้จะต้องจับตาสถานการณ์ใกล้ชิดเพราะจะเป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ต่อกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา เพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาสที่ชายแดนทางตอนใต้ของอิสราเอล ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,200 ราย และมีผู้ถูกจับเป็นตัวประกันประมาณ 250 ราย
ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในฉนวนกาซาระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่า ยอดผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์จากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของอิสราเอลในฉนวนกาซาเพิ่มขึ้นเป็น 41,825 รายแล้ว
ส่วนประเด็นเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม จะมีในช่วงดึกคืนวันพุธต่อเช้าวันพฤหัส จะมีรายงาน ผลการประชุม FOMC เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนช่วงค่ำวันวันพฤหัส จะมีตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อผู้บริโภค Core CPI เดือนกันยายน เมื่อเทียบรายเดือน ลดลงมาอยู่ที่ 0.2% จากเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.3%
ขณะที่ ดัชนี CPI เมื่อเทียบรายเดือน ลดลงมาอยู่ที่ 0.1% จากเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI เดือนกันยายน ลดลง 2.3% จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 2.5%
นอกจากนั้นยังมีตัวผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ อยู่ที่ 229,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ 225,000 ราย
ส่วนวันศุกร์จะมีตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต หรือ PPI เดือน ก.ย. โดย ดัชนี Core PPI เมื่อเทียบรายเดือน อยู่ที่ 0.2% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.3% ขณะที่ ดัชนีPPI เมื่อเทียบรายเดือน อยู่ที่ 0.1%ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.2%
นอกจากนั้นตลอดทั้งสัปดาห์จะมีประธาน เฟดสาขา และจนท.เฟด ออกมาให้สัมภาษณ์ในประเด็นต่าง ๆ ที่อาจจะส่งผลต่อราคาทองคำได้
ทาง Shining Gold มองว่า
ราคาทองคำเริ่มได้รับแรงกดดันเล็ก ๆ จากช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในช่วงที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งปธน. จะแข่งขันกันเปิดเผยนโยบายเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ลงคะแนนเสียง และอาจจะเป็นลบต่อราคาทองคำมากยิ่งขึ้นถ้าสูญเสียภาพรวมเทคนิคขาขึ้นระยะสั้น
ดังนั้นการย่อพักฐานช่วงสัปดาห์นี้จึงควรเปลี่ยนเกมส์การพักเพื่อย่อลึกเป็นการพักย่อน้อยเพื่อการดีดตัวขึ้นให้ได้ จึงควรคาดหวังการปิดสัปดาห์เป็นตระกูลโดจิ โดยกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น รอราคาย่อตัว Open Long ที่ 2,640 และ 2,624 ดอลลาร์ มีจุด SLที่ 2,616 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 2,657 / 2,663 และ 2,676 ดอลลาร์
ด้าน InterGOLD มองว่า
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาทองคำไทยพุ่งแรงทะลุ 41,700 บาท สวนทางกับราคาทองคำโลก หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด ทำลายความหวังที่ว่าเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากในเดือนพฤศจิกายน
ทั้งนี้ราคาทองคำไทยในช่วงนี้กลับมาได้เปรียบอีกครั้ง หลังเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง คาดการณ์ได้ว่าภายในเดือนนี้ หากราคาทองคำโลกลดลง ก็ไม่สามารถทำให้ราคาทองคำแท่งในประเทศลดลงได้มาก
ซึ่งเดือนนี้ถือว่าการลงทุนทองคำเป็นเรื่องที่ได้เปรียบมาก เพราะไม่ว่าทองไทยหรือทองต่างประเทศล้วนมีแนวโน้มเป็นบวกอยู่ ตอนนี้ใครที่ออกจากภาวะขาดทุนได้ ควรขายบางส่วนไปก่อน แล้วรอลุ้นขึ้นต่อ เพราะทองคำแท่งยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก
แนะนำให้แบ่งพอร์ตการลงทุนเป็นระยะสั้นและระยะยาว โดยบางส่วนให้ทำกำไรในระยะสั้น และเก็บบางส่วนไว้ถือยาวเพื่อลุ้นราคาขึ้นต่อ
ขณะที่ YLG Bullion มองว่า
ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway แต่เมื่อราคาอ่อนตัวลงยังคงมีแรงซื้อดันราคาฟื้นตัวขึ้น แนะนำรอจังหวะราคาเข้าใกล้แนวรับเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรระยะสั้น หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับ 2,635-2,625 ดอลลาร์
สถานะซื้อตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับ 2,625 ดอลลาร์ ปิดสถานะซื้อทำกำไรหากราคาปรับตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้าน 2,666-2,685 ดอลลาร์
ปิดท้ายที่ ARR Goldtrading มองว่า
แนวโน้มราคาทองคำยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบการเคลื่อนที่ออกไปทางด้านข้าง จึงเหมาะสมที่จะใช้กลยุทธ์การเก็งกำไรระยะสั้น
นักลงทุนพิจารณาแบ่งเงินเป็นหลายส่วนเข้าซื้อตามแนวรับ 2,650 / 2,640 และ 2,630 ดอลลาร์ ตัดขาดทุนหากราคาปรับฐานลงต่ำกว่า 2,630 ดอลลาร์ และขายทำกำไรเมื่อดีดตัวประมาณ 10 ดอลลาร์จากจุดซื้อ หรือที่แนวต้าน 2,665 / 2,680 และ 2,685 ดอลลาร์
รับชมคลิป
Comments are closed.