gold spot ยังข้าม $3,385 ไม่ได้ คาดรอผล NFP และ ผลประชุม ECB ส่วนทองคำไทยจ่อทะลุ 52,000 บาท

มาดูภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไทย ( 5 มิ.ย.) เช้านี้ปรับลดลงไป 50 บาท โดย สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาแรกของวันเท่ากับราคาปิดวานนี้

ก่อนอีกครึ่งชั่วโมงถัดมาจะปรับลดลง 50 บาท ทำให้ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 ณ เวลา 10.00 น. อยู่ที่ 51,850บาท ส่วนราคารับซื้อ 51,750 บาท ขณะที่ราคาทองรูปพรรณราคาขายออก 52,650 บาท ส่วนราคารับซื้อ 50,710.20 บาท คำนวณจากเงินบาทที่ 32.56 บาทต่อดอลลาร์

ด้าน  ฮั่วเซ่งเฮง มองว่า

ทองคำในประเทศที่เร่งตัวขึ้นมา อาจเผชิญแรงขายจากแนวต้านที่ระดับ 52,000-52,200 บาท จึงแนะนำใช้กลยุทธเชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมจากระดับ 51,000 บาท โดยมีเป้าทำกำไรที่ 52,000-52,200 บาท และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ 50,500 บาท

ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ gold spot วานนี้(4 มิ.ย.) ปิดบวก 20 ดอลลาร์ โดยขึ้นไปแตะจุดสูงสุด 3,384 ดอลลาร์ ก่อนจะมาปิดตลาด 3,374 ดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้ราคาได้ขึ้นไปทดสอบ 3,384 ดอลลาร์อีกครั้ง แต่ยังผ่านไปไม่ได้

ทั้งนี้ราคาทองคำ gold spot ได้รับแรงหนุนจาก ความไม่นอนเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังปธน.ปูตินยืนยันกับปธน.ทรัมป์ ว่ารัสเซียจะตอบโต้ยูเครน หลังถูกยูเครนโจมตีเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียมากกว่า 40 ลำ

นอกจากนี้ ยังโดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาด อาทิ ดัชนีภาคบริการของสหรัฐจาก ISM เดือนพ.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.9 หดตัวครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี และต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 52.1

ส่วนการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐจาก ADP เดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 37,000 ตำแหน่งต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 110,000 ตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์

อีกทั้ง ดอลลาร์ยังอ่อนค่าเพิ่มหลังปธน.ทรัมป์แสดงความไม่พอใจประธานเฟดอีกครั้ง พร้อมเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันที

คืนนี้ สหรัฐฯ มีประกาศการตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ โดยคาดว่าจะลดลงเหลือ 236,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ 240,000 ราย และรอดูผลการประชุม ธนาคารกลางยุโรป ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ย หรือไม่

มุมมองการลงทุนจากบริษัทค้าทองคำในประเทศ ทาง YLG Bullion มองว่า

ตลอดทั้งวันวานนี้ราคาย่อไม่หลุด 3,332 ดอลลาร์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นแรง อย่างไรก็ดี หากยังไม่ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 3,384-3,392 ดอลลาร์ยังต้องระวังว่าการพักตัวยังไม่จบ

ในทางกลับกันหากราคาผ่าน 3,392 ดอลลาร์ ได้จะมีแนวโน้มขึ้นต่อ โดยมีเป้าถัดไปที่ 3,400 ดอลลาร์ และหากการพักตัวไม่หลุด 3,362 ดอลลาร์ยังคงประเมินว่าอาจยังเป็นพักเพื่อขึ้นต่อในระยะสั้น และหากหลุด 3,362 ดอลลาร์ ทิศทางระยะสั้นจะมีมุมมองเชิงลบลดลงอีกครั้ง

สำหรับกลยุทธ์ หลังจากขายทำกำไรสถานะซื้อไปแล้ว ดูจังหวะเสี่ยงซื้อหากราคาไม่หลุด 3,362 ดอลลาร์ ขายทำกำไรถ้าไม่ผ่าน 3,384-3,392 ดอลลาร์ หากผ่าน 3,392 ดอลลาร์ไปได้ ให้ชะลอไปขายที่แนวต้านถัดไป ตัดขาดทุนหากหลุด 3,362 ดอลลาร์ เพื่อรอซื้อที่แนวรับต่ำกว่า

ด้าน T.D.C. Gold มองว่า

แนวโน้มราคาทองคำรายวันยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น (uptrend) โดยราคาทองคำล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 3,340–3,380 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดกำลังรอความชัดเจนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ ทั้งนี้ให้แนวรับที่ 3,350 และ3,320 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 3,375 และ 3,400 ดอลลาร์

ขณะที่ GCAP Gold มองว่า

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวใกล้จุดสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์ โดยมีแนวโน้มระยะสั้นเอนเอียงไปทางขาขึ้น จากปัจจัยหนุนทั้งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้า รวมถึงความคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย และการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่นักลงทุนรอติดตามข้อมูลสำคัญที่จะประกาศเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ การประชุม ECB ในวันนี้ ( 5 มิ.ย.) และ ตัวเลขการจ้างงาน NFP ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการซื้อดอลลาร์และทิศทางราคาทองคำต่อไป

กลยุทธ์การลงทุนรอซื้อที่ 3,369 ดอลลาร์ ให้แนวรับที่ 3,369 /3,364 และ 3,359 ดอลลาร์ มีจุด stoploss ที่ 3,350 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 3,388 /3,393 และ 3,398 ดอลลาร์

ปิดท้ายที่ เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์      

ให้แนวรับรายวันที่ 3,267 และ 3,328 ดอลลาร์ ขณะที่ให้แนวต้านรายวันที่ 3,429 และ 3,468 ดอลลาร์

รับชมคลิป