Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

สรุปแนวโน้มราคาทองคำและกลยุทธ์ลงทุน วันนี้ 2 ต.ค.66 GoldAround

- Advertisement -

3,367

- Advertisement -

สรุปแนวโน้มราคาทองคำและกลยุทธ์ลงทุน วันนี้ 2 ต.ค.66

ไตรมาส 3 gold spot ร่วง $71 แต่ทองไทยบวกสวน 100 บาท สัปดาห์นี้จับตาตัวเลขจ้างงานอาจกดดันต่อเนื่อง

ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com

.

รับชมคลิป สรุปแนวโน้มราคาทองคำและกลยุทธ์ลงทุน วันนี้

- Advertisement -

ภาพรวมราคาทองคำไทยในช่วงไตรมาส 3 (1 ก.ค.- 30 ก.ย.) พบว่ายังปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท สวนราคาทองคำ spot ที่ลดลงไปกว่า 70 ดอลลาร์

ขณะที่ ภาพรวมเดือน ก.ย. ราคาขายออกวันที่ 1 ก.ย. อยู่ที่ 32,150 บาท และ ปิดเดือน ก.ย. เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ยังอยู่ที่ราคาเดียวกัน

ขณะที่ ราคาทองคำ spot เดือน ก.ย. ลดลงไป เกือบ 100 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากเงินบาทที่อ่อนค่า จนทำให้ในวันที่ 20 ก.ย. ราคาทองคำในประเทศได้ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลใหม่ที่ 33,050 บาท

ส่วนราคาทองคำในประเทศ เช้านี้ราคายังไม่ขยับ สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาแรกของวัน ราคาขายออก อยู่ที่ 32,150 บาท ราคารับซื้ออยู่ที่ 32,050 บาท คำนวณจากค่าเงินบาทที่ 36.78 บาท

โดย SCT Gold มองว่า

- Advertisement -

ในสัปดาห์ที่แล้ว ทองคำไทยยังคงปรับตัวลงจากราคาทองคำโลกที่มีแรงกดดันจากทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับการปรับประมาณการณ์ GDP ที่ลดลงจาก 3.6% เป็น 2.8% พร้อมทั้งดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นจากนโยบายของ กนง. แต่ทว่าเงินบาทไทยยังคงอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจากส่วนต่างของดอกเบี้ยเมื่อเทียบกับทางสหรัฐฯ

SCT Gold คาดว่า ราคาทองคำไทยยังคงได้รับอนิสงค์จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง โดยยังคงให้คำแนะนำเป็นการ “เด้งขาย” ที่แนวต้าน 32,250 บาท และจุดทำกำไรที่ 31,650 บาท

ไปดูภาพรวมราคาทองคำ spot ในช่วงไตรมาส 3 เดือน ก.ค- ก.ย. ลดลงไป 71 ดอลลาร์

โดยราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,987 ดอลลาร์ จากนั้นถูกเทแรงมาแตะจุดต่ำสุดที่ 1,846 ดอลลาร์ โดยเฉพาะในเดือน ก.ย. ราคา ทองคำ spot ร่วงลงแรงถึง 91 ดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (25-29 ก.ย.) ที่ลดลงมากถึง 76 ดอลลาร์ หรือ ติดลบ 4.69% มาปิดที่ 1,848 ดอลลาร์ ต่ำสุดสุดในรอบกว่า 6 เดือน

ทั้งนี้ ราคาทองคำ spot ได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่าสุดรอบ 10 เดือน และ Bond yield สหรัฐฯ พุ่งขึ้นสูงสุดรอบ 16 ปี หลังประธานเฟดได้ส่งสัญญาณว่าจะยังจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในปีนี้ และจะยังคงดอกเบี้ยระสูงเป็นเวลานาน หลังเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ส.ค. ยังอยู่ระดับ 3.9% ห่างจากเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

ส่วนประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ หลัก ๆ จะเป็นข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ

โดย วันอังคาร จะมีตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน ส.ค.

ขณะที่ วันพุธ จะมีตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน เดือน ก.ย. จาก ADP

วันพฤหัสบดี มีตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

และวันศุกร์ จะเป็นตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน ก.ย. ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมง เดือน ก.ย. และอัตราการว่างงานเดือน ก.ย.

ไปดูมุมมองการลงทุนจากบริษัทค้าทองคำในประเทศไทย

โดย T.D.C. Gold ระบุว่า

ปธน. Joe Biden ผ่านร่างงบประมาณเมื่อคืนวันเสาร์เป็นเวลา 45 วัน ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงการเกิด Government Shutdown ได้สำเร็จ

ขณะที่ ในคืนวันศุกร์มีการประกาศตัวเลขดัชนี PCE ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อของ Fed พบว่าขยายตัวน้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้

แต่ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและเงินเฟ้อคาดการณ์ของผู้บริโภคยังคงเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ โดยประเมินว่าจะมีการรีบาวน์เล็กน้อยก่อนลงต่อ

ขณะที่ YLG Bullion มองว่า

ราคาทองคำ spot มีการทิ้งตัวลงแรง แม้มีแรงซื้อสลับเข้ามาบ้าง แต่หากราคาฟื้นจำกัด จะทำให้ราคาระยะสั้นเคลื่อนไหวในกรอบ sideway down ชัดเจนเพิ่มขึ้น

แนะนำ ควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบครอบ เนื่องจากราคามีความผันผวนเพิ่มขึ้น โดยพิจารณาโซน 1,861-1,879 ดอลลาร์ ในการเปิดสถานะขาย พร้อมพิจารณาตัดขาดทุนหากราคาผ่าน 1,879 ดอลลาร์

ขณะที่ การปิดสถานะขายเพื่อทำกำไร รอการปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับโซน 1,833-1,823 ดอลลาร์

ด้าน เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ ระบุ

โซนแนวรับสำคัญที่ 1,840/1,805-1,790 และ 1,760-1,750 ดอลลาร์ โดยภาพรวมราคายังวิ่งในเทรนขาลง รอดูสัญญาณกลับตัวอีกครั้งภายในสัปดาห์ เพื่อความปลอดภัยในการเข้าซื้อ

ส่วนโซนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,875-1,885 และ 1,895-1,900 ดอลลาร์ หากราคามีการรีบาวด์ภายในสัปดาห์ อาจพิจารณาขายเพื่อทำกำไร ณ โซนดังกล่าว

ปิดท้ายที่ ฮั่วเซ่งเฮง มองว่า

ราคาทองคำทางด้านเทคนิคยังเป็นขาลง หลังราคายังลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง แนวรับ 1,840 และ 1,830 ดอลลาร์ แนวต้าน 1,860 และ 1,880 ดอลลาร์

- Advertisement -

Comments are closed.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More