สรุปแนวโน้มราคาทองคำและกลยุทธ์ลงทุน วันนี้ 14 พ.ย.67
gold spot – ทองไทย ถูกเทร่วงยาวๆ นับแต่ ”ทรัมป์” คว้าชัย Goldspot ลงมา $170 ทองไทยเช้านี้ลง 350 บาท แม้เงินบาทแตะ 35 บาท
ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
ราคาทองคำไทย วันนี้ (14 พ.ย.) สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาแรกของวันลดลง 300 บาท
ก่อนอีกครั้งชั่วโมงถัดมาจะปรับลดลงอีก 50 บาท ทำให้ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 ณ เวลา 09.30 น. อยู่ที่ 42,500 บาท ส่วนราคารับซื้อ 42,400 บาท
ขณะที่ราคาทองรูปพรรณราคาขายออก 43,000 บาท ส่วนราคารับซื้อ 41,629.36 บาท คำนวณจากเงินบาทที่ 35.01 บาทต่อดอลลาร์
โดยเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวอ่อนค่าแตะ 35 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยตลาดยังมีความกังวลเรื่องนโยบายกีดกันทางการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ส่วนวันนี้คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.80 – 35.15 บาทต่อดอลลาร์
ด้าน ฮั่วเซ่งเฮง มองว่า
ราคาทองคำแท่งได้ฟื้นตัวขึ้นเมื่อวานนี้เข้าใกล้บริเวณ 43,000 บาท อย่างไรก็ตามเริ่มเกิดแรงเทขายออกมา ทำให้ราคาทองคำแท่งมีแนวโน้มปรับตัวลงได้ต่อ ซึ่งราคาทองคำแท่งมีโอกาสปรับตัวลงแตะ 42,000-42,200 บาท
แนะนำ Wait & See แนวโน้มหลักยังไม่มีสัญญาณซื้อเกิดขึ้น ส่วนแนวต้านอยู่แถว 42,800 และ 42,900 บาท
ไปดูภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ gold spot วานนี้ ( 13 พ.ย.) ปรับตัวลดลงอีก 25 ดอลลาร์ หากจะนับรวมตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาจนถึงเมื่อวานนี้ ราคาปรับลดลงมาแล้วร่วม 135 ดอลลาร์ แต่หากนับตั้งแต่หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัย ราคาปรับลงมาแล้วร่วม 170 ดอลลาร์
โดยราคาทองคำวานนี้เคลื่อนไหวผันผวน โดยช่วงกลางวันราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 2,620 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเกิดแรงเทขายออกมา และปิดตลาดที่จุดต่ำสุดของวันที่ แตะ 2,572 ดอลลาร์
ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.468% หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค.เมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้น 2.6% เท่ากับตลาดคาดการณ์ แต่สูงขึ้นจากเดือนก.ย.ที่ระดับ 2.4%
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ปรับตัวขึ้น 3.3% สอดคล้องกับการคาดการณ์ และเท่ากับเดือนก.ย. ปัจจัยดังกล่าวทำให้ทองคำ ปรับตัวลงต่อ หลังจากที่ถูกแรงขายทางเทคนิคกดดันให้ราคาหลุด Low เดือนก่อนหน้า และเช้านี้ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ 2,558 ดอลลาร์
นอกจากนั้นหลังการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค. นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 82% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่ให้น้ำหนักเพียง 58.7% ก่อนที่จะมีการเปิดเผยดัชนี CPI แต่นักลงทุนกังวลว่านโยบายต่าง ๆ ของโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และอาจทำให้เฟดยุติวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ในช่วงดึกคืนนี้ ประมาณ 03.00 น.ตามเวลาไทย ต้องรอฟังการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในงานเสวนาที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส
ต้องมาดูว่า ปธ.เฟดจะพูดถึงนโยบายในช่วงหลังจากนี้หรือไม่ แต่ในช่วงค่ำต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยสหรัฐจะประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% จากที่เพิ่มขึ้น 0.0% และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3,000 รายสู่ระดับ 224,000 ราย
มุมมองการลงทุนจากบริษัทค้าทองคำในไทย ทาง YLG Bullion มองว่า
แม้ว่าราคาจะฟื้นตัวขึ้นบ้างหลังจากทิ้งตัวลงในช่วงต้นสัปดาห์ แต่หากราคาไม่สามารถผ่าน 2,585-2,604 ดอลลาร์ อาจมีแรงขายทำกำไรสลับเข้ามาเพิ่มขึ้น จึงแนะนำเปิดสถานะขายเก็งกำไรระยะสั้น หากราคาไม่ผ่านโซนดังกล่าวสถานะขายตัดขาดทุน หากราคาผ่านแนวต้าน 2,604 ดอลลาร์ ทยอยปิดสถานะขายทำ กำไรหากราคาปรับตัวลงไม่หลุดแนวรับโซน 2,548-2,530 ดอลลาร์
ขณะที่ บจ.ออสสิริส มองว่า
แม้ราคาทองคำ gold spot จะร่วงแรง แต่ภาพรวมใหญ่ยังอยู่บนเทรนด์ขาขึ้นในกราฟราย 1 วัน หากยังไม่หลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 2,558 ดอลลาร์ แต่หากหลุดโซนดังกล่าวทองจะหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันในรอบ 9 เดือน จะทำให้เข้าสู่แนวโน้มขาลงทันที โดยจะมีเป้าหมายถัดไปที่ 2,500-2,420 ดอลลาร์ หรือแถวเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน โดยสถานะฝั่งขายจะได้เปรียบตลาด
โดย Ausiris ให้แนวรับที่ 2,558 และ 2,520 ดอลลาร์ ส่วน แนวต้านอยู่ที่ 2,580 และ 2,600 ดอลลาร์
ด้าน ARR Goldtrading มองว่า
ราคาทองสร้างจุดต่ำใหม่ซึ่งเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงอีกระลอก และมีโอกาสลงมาถึงแนวรับด้านล่างในวันนี้ นักลงทุนที่ต้องการซื้อสะสมอาจพิจารณาแบ่งเงินเข้าซื้อบางส่วนที่บริเวณแนวรับ 2,560 /2,550 และ 2,540 ดอลลาร์ ตัดขาดทุนหากราคาปรับฐานลงต่ำกว่า 2,540 ดอลลาร์ และขายทำกำไรหากมีการดีดตัวประมาณ 10 ดอลลาร์จากจุดซื้อ หรือที่แนวต้าน 2,580/ 2,590 และ 2,600 ดอลลาร์
ปิดท้ายที่ เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์
ให้แนวรับรายวันที่ 2,550 และ 2,538 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านรายวันอยู่ที่ 2,587 และ 2,612 ดอลลาร์
รับชมคลิป
Comments are closed.