สงคราการค้า “สหรัฐ-จีน” เดือดขั้นสุด ดัน gold spot ทำ ATH แตะ $3,220 ส่วนทองไทยขยับตามบวกเพิ่ม 850 บาท

ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com

ราคาทองคำไทยยังคงบวกต่อเนื่อง แม้จะแรงสู้ราคา gold spot ไม่ได้ เพราะเงินบาทกลับมาแข็งค่า แต่เช้านี้สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาแรกของวัน ( 11 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 800 บาท

ก่อนที่อีกชั่วโมงถัดมาจะปรับเพิ่มอีก 50 บาท ทำให้ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 ณ เวลา 10.15 น. อยู่ที่ 51,250 บาท ส่วนราคารับซื้อ 51,150 บาท

ขณะที่ราคาทองรูปพรรณราคาขายออก 52,050 บาท ส่วนราคารับซื้อ 50,225.08 บาท คำนวณจากเงินบาทที่ 33.73 บาทต่อดอลลาร์

โดยทาง Shining Gold มองว่า

ค่าเงินบาทแข็งค่า ขณะที่ราคาทองคำ gold spot ดีดตัวขึ้นเร็วกว่าการแข็งค่าของค่าเงินบาท ทำให้ราคาทองคำไทยปรับตัวขึ้นต่อได้ จนกลับมาทะลุแนวต้านสำคัญที่ 50,500 บาท ซึ่งแนวต้านพิจารณาถัดไปของการไปต่อคือ 51,300 บาท ก็ควรผ่านไปให้ได้มิเช่นนั้นอาจเกิดการพักตัวลงได้

จึงควรใช้จุดพิจารณาดังกล่าวในการแบ่ง Take Profit หรือควรหาจังหวะย่อตัวอีกครั้งเมื่อเข้าซื้อ และควรมีไม้เผื่อถัวเฉลี่ย 4-5 ไม้ตลอด โดยให้แนวต้านที่ 51,220/51,450 และ 51,800 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 50,500/50,000 และ 49,000 บาท

ไปดูการเคลื่อนไหวราคาทองคำ gold spot วานนี้ ปรับขึ้นแรง 94 ดอลลาร์ หรือ 3.03% ทำจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ หรือ All-time high : ATH ที่ 3,176 ดอลลาร์และเช้าวันนี้ยังปรับขึ้นทำ All-time high ต่อเนื่องที่ 3,220 ดอลลาร์

โดยได้แรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนรุนแรง ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ได้ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสู่ระดับ 125% ในวันพุธที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังเก็บภาษีเพิ่มในอัตรา 20% เพื่อลงโทษจีนที่ไม่ได้สกัดการไหลทะลักของยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ ส่งผลให้ขณะนี้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 145%

โดย ปธน.ทรัมป์ อาจจะคาดหวังว่าการขึ้นภาษีดังกล่าวจะเป็นการบีบบังคับให้จีนกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาในที่สุด แต่ทว่าจีนก็มีการตอบโต้ออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งเรื่องการเพิ่มเพดานภาษี และการจำกัดการเข้าถึงสินค้าจากอเมริกา เช่นภาพยนตร์จากฮอลีวูด ทำให้สถานการณ์โดยรวมนักลงทุนรู้สึกถึงความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น จากการโต้กันไปโต้กันมาเช่นนี้ ทำให้เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาดิ่งแรงอีกรอบ

นอกจากนั้นราคาทองคำยังได้แรงหนุนจาก การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เดือนมี.ค. ที่เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีลดลงจากเดือน ก.พ.ที่ระดับ 2.8% และต่ำกว่าตลาดคาดที่ระดับ 2.5% ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟด จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. และมีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 1% ภายในสิ้นปีนี้

ขณะที่กองทุน SPDR ซื้อทองคำปริมาณมากต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยเช้านี้ซื้อเพิ่มอีก 12.62 ตันหลังจากเมื่อวานนี้ได้ซื้อ 11.17 ตัน สะท้อนกระแสเงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำมากขึ้น

มาดูมุมมองการลงทุนจากบริษัทค้าทองคำในไทย Ausiris มองว่า

ระยะสั้น มีแรงซื้อมหาศาลดันราคาเบรคแนวต้านที่ระดับ 3,200 ดอลลาร์ได้ ทำให้สถานะฝั่ง Buy กลับมาได้เปรียบตลาด โดยมีเป้าเหมายถัดไปที่ระดับ 3,225-3,250 ดอลลาร์ ในทางเทคนิคกราฟรายวัน แสดงให้เห็นว่ามีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้อีก

นักลงทุนระยะสั้นรอจังหวะซื้อเมื่อราคาทรงตัว หากทองคำโลกหลุด 3,200 ดอลลาร์ และเข้าใกล้แนวรับสำคัญ เช่น 3,167 ดอลลาร์ หรือทองไทยราว 50,800-50,600 บาท ให้รอสัญญาณกลับตัวก่อนเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร โดยมีเป้าหมายที่ 3,225-3,250 ดอลลาร์ หรือทองไทย 51,300-51,500 บาท

ส่วนนักลงทุนระยะยาว สะสมทองคำเมื่อราคาย่อตัว โดยราคาทองคำไทยลงต่ำกว่า 50,000 บาท เพราะยังมีศักยภาพขาขึ้นในภาพใหญ่จาก จากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าและนโยบาย ปธน.ทรัมป์ และคาดว่าราคาอาจกลับไปทดสอบ 51,000-55,000 บาทใน 6-12 เดือน หากวิกฤตทวีความรุนแรงมากขึ้น

ด้าน ฮั่วเซ่งเฮง มองว่า

ราคาทองโลกที่ทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,170 ดอลลาร์ขึ้นมา อาจยังมีแนวโน้มขึ้นต่อ จากสงครามการค้าที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ระยะสั้นราคาทองคำอาจเร่งตัวขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ยิ่งราคาอยู่ในระดับสูงเท่าไหร่ ก็เสี่ยงปรับฐานแรงเท่านั้น

การเข้าซื้อจึงจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ เนื่องจากตลาดยังมีความไม่แน่นอนสูงกว่าในช่วงอดีตค่อนข้างมาก แนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าสะสมที่ 3,170 ดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 3,275 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาทะลุแนวรับที่ 3,125 ดอลลาร์ลงไป

ขณะที่ InterGOLD ระบุว่า

จีนไม่ยอมแพ้ขึ้นภาษีตอบโต้ ปธน.ทรัมป์ พร้อมสั่งคุมเข้มหนังจากฮอลลีวูด หนุนราคาทองคำขึ้นนิวไฮใหม่

โดยให้แนวต้านที่ 3,240 ดอลลาร์ หรือทองไทยที่ 51,400 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 3,130 ดอลลาร์ หรือ 50,400 บาท

ปิดท้ายที่ เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์

ให้แนวรับรายวันที่ 3,165 และ3,135 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านรายวันอยู่ที่ 3,220 และ 3,235 ดอลลาร์

มาดูประเด็นอื่นที่ต้องจับตาในวันนี้ สหรัฐฯ จะมีการเผยดัชนีราคาผู้ผลิตทั่วไป (PPI) และดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) และยังมีการเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก ม.มิชิแกน

รับชมคลิป