SPDR เริ่มกลับซื้อทอง วันนี้บวก 5.82 ตัน ขณะที่ไบเดน จี้สภาคองเกรส เร่งผ่านงบ 4.4 ล้านล้าน เพื่อสร้างงานเพิ่ม
กองทุน SPDR GOLD SHARES กองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มซื้อทองคำล็อตใหญ่ เข้าซื้อเพิ่ม 5.82 ตัน ที่ราคา 1,831.20 ดอลลาร์ ถือเป็นล็อตใหญ่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่าน ซึ่งในวันนั้นซื้อไป 16.63 ตัน ที่ระดับราคา 1,827.45 ดอลลาร์ โดยในสัปดาห์แรกของ เดือน พ.ค. นี้ SPDR ซื้อทองคำมาแล้ว 2 ครั้ง แต่เป็นล็อตเล็ก ๆ คือ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ปริมาณ 1.13 ตัน และ 4 พ.ค. ปริมาณ 1.16 ตัน รวมกับวันนี้อีก 5.82 ตัน ทำให้ยอดการซื้อทองคำ เดือน พ.ค. SPDR บวก 8.11 ตัน และขณะนี้ SPDR ถือครองทองคำ 1,025.15 ตัน
ทั้งนี้ เมื่อตัวเลขการจ้างงานต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ออกมาไม่สู้ดี ทำให้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า สภาคองเกรสจำเป็นที่จะต้องผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และร่างกฎหมายช่วยเหลือครัวเรือนชาวสหรัฐฯ เพราะตัวเลขการจ้างงานในเดือน เม.ย.ที่ต่ำกว่าคาด เป็นหลักฐานแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเผชิญปัญหาในการฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19
การเข้าซื้อทองคำเพิ่มของ SDPR เป็นช่วงที่ราคา goldspot ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเมื่อคืนนี้พุ่งแตะจุดสูงสุดที่ 1,843 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เมื่อคืนนี้ ปิดที่ 1,831.3 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15.6 ดอลลาร์ หรือ 0.86% โดยในรอบสัปดาห์นี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 3.6% โดยการเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ ได้รับแรงหนุนจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานของนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ หรือ Nonfarm Payrolls (NFP) ที่ต่ำกว่าคาด โดยในเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 266,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 1,000,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานในเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.1% สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าอาจลดลงสู่ระดับ 5.8% นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากที่ดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่า โดยเมื่อคืนนี้แตะ 90.2409 ลดลง 0.78%
ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดนฯ ได้เสนอมาตรการสร้างงานและช่วยเหลือครัวเรือนในสหรัฐฯ วงเงินรวม 4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยจะออกร่างกฎหมาย American Jobs Plan วงเงิน 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และร่างกฎหมาย American Families Plan วงเงิน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเยียวยาครัวเรือนสหรัฐฯ จากผลกระทบของ โควิด-19
อย่างไรก็ดี สภาหอการค้าสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ยุติการให้เงินเยียวยาผู้ที่ตกงานจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในตลาด โดยนายนีล แบรดลีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านนโยบายของสภาหอการค้าสหรัฐฯ ระบุตัวเลขการจ้างงานที่น่าผิดหวัง ทำให้เห็นได้ชัดว่าการจ่ายเงินสำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปทำงานกำลังส่งผลกระทบต่อตลาด ทั้งนี้ ตามการวิเคราะห์ของสภาหอการค้า พบว่า การจ่ายเงิน 300 ดอลลาร์ ต่อสัปดาห์ ให้แก่ผู้ที่ตกงาน ทำให้ผู้ที่ได้รับเงิน 1 ใน 4 มีรายได้ขณะตกงานมากกว่าไปทำงาน
ทั้งนี้ เมื่อช่วงการเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนฯ ได้ผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 โดยหนึ่งในมาตรการดังกล่าว ได้แก่ การส่งเช็คเงินสดไปให้ผู้ที่ตกงานเป็นเงิน 300 ดอลลาร์/สัปดาห์จนถึง เดือน ก.ย.
เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์ได้แสดงความเห็นในทิศทางเดียวกัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านนโยบายของสภาหอการค้าสหรัฐ ว่ามาตรการแจกเงินแก่คนตกงาน ได้ลดแรงจูงใจที่จะทำให้แรงงานกลับเข้าตลาด และเป็นสาเหตุทำให้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรต่ำกว่าคาด แต่คาดว่าการจ้างงานจะกลับสู่ภาวะปกติในเดือน ก.ย. หลังมาตรการเยียวยาของรัฐบาลมีกำหนดสิ้นสุดในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากการที่ผู้ปกครองยังคงต้องอยู่บ้านดูแลบุตรอีกด้วย
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.