SPDR เปิดฉากขายทองคำเกือบ 2 ตัน ต้อนรับเดือน พ.ย. และเป็นการขายก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐ
SPDR Gold Trust กองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เทขายทองออกออกอีก 1.75 ตัน ในช่วงเช้าวันนี้(3 พ.ย.) ที่ราคา 1,894.20 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการขายติดต่อกันตั้งแต่ปลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งภาพรวมของ SPDR ในเดือน ต.ค.ขายออกมากว่าซื้อ (อ่านเพิ่มเติม..SPDR ยังขายต่อเนื่อง ทำยอดรวมเดือนต.ค.ติดลบ ครั้งแรกของปี2020 )โดยติดลบไปประมาณ 11 ตัน ทำให้ในปีนี้ SPDR ซื้อทองคำเหลือเพียง 357.5 ตันโดยรวมกองทุน SPDR ถือครองทองคำแท่งวันนี้ทั้งหมด 1,255.92 ตัน
ไปดูการซื้อขายสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.เมื่อคืนนี้ ปิดที่ 1,892.5 ดอลลาร์เพิ่มขึ้น 12.6 ดอลลาร์ หรือ 0.67% โดยสัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยแม้ผลการสำรวจของทุกสำนักต่างระบุตรงกันว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” จะพ่ายแพ้ต่อ “โจ ไบเดน” แต่คะแนนเสียงจากผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ และคะแนนเสียงจากหลายรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน อาจเป็นปัจจัยชี้ขาดผลการเลือกตั้งครั้งนี้
นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของCOVID-19 หลังมีรางานว่าทั่วโลกติดเชื้อเกือบ 47 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 1.2 ล้านราย โดยสหรัฐฯ ติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อโดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 9.4 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 2.36 แสนราย ทั้งนี้หลายประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ต่างประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง หลังพบว่าอัตราผู้เสียชีวิตจากCOVID-19 ทั่วยุโรปพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้านนักวิเคราะห์จาก Royal Bank of Canada ระบุนักลงทุนควรเตรียมความพร้อมรับมือความผันผวนของราคาทองคำ อันเนื่องมาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยคาดว่าราคาทองคำอาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยของความวุ่นวายหลังเลือกตั้งมาเป็นแรงหนุน อีกทั้งสถานการณ์ความไม่แน่นอนของจำนวนบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ ที่อาจมีประเด็นในเรื่องของการฉ้อโกง
มีรายงานว่าพลเมืองสหรัฐได้ออกมาลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้สูงถึง 95 ล้านคน มากกว่าปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 58 ล้านคน โดย 60.4 ล้านคนได้ลงคะแนนเสียงล่วงหน้าทางไปรษณีย์ ส่วนอีก 34.6 ล้านคนได้เดินทางไปหย่อนบัตรเลือกตั้งที่คูหา ทั้งนี้มีการคาดการณ์กันว่า ในปีนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
ในวันนี้(3 พ.ย. ตามเวลาสหรัฐ) นอกจากจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว ยังจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภา 435 คน และเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา 33 คน คิดเป็น 1 ใน 3 ของทั้งหมด นอกจากนั้น ชาวอเมริกันยังออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายพันคนทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้ว่าการรัฐ และผู้พิพากษาด้วย
มาดูผลการสำรวจคะแนนความนิยมล่าสุด พบว่า ” ไบเดน” ยังมีคะแนนนำหน้า ” ทรัมป์” เพียงเล็กน้อยใน 6 รัฐ ที่เป็นรัฐสวิงเสตท ซึ่งรัฐที่ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นฐานเสียงของพรรคใดพรรคหนึ่งอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่า เป็นรัฐที่มีความสำคัญต่อการชี้วัดผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐมาตลอด ซึ่งประกอบไปด้วย แอริโซนา ฟลอริดา มิชิแกน นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลวาเนีย และวิสคอนซิน โดยทั้ง 6 รัฐนี้เป็นรัฐ”ทรัมป์”เคยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งปธน.เมื่อปี 2559
สำหรับคะแนนนิยมของ”ไบเดน”และ” ทรัมป์” ใน 6 รัฐ Swing State เป็นดังนี้ แอริโซนา: ไบเดน 50% vs ทรัมป์ 47% ,ฟลอริดา: ไบเดน 51% vs ทรัมป์ 48% , มิชิแกน: ไบเดน 51% vs ทรัมป์ 44% ,นอร์ทแคโรไลนา: ไบเดน 49% vs ทรัมป์ 47% ,เพนซิลวาเนีย: ไบเดน 50% vs ทรัมป์ 46%และวิสคอนซิน: ไบเดน 53% vs ทรัมป์ 45%
Cr : traderider.corp
CR :อินโฟเควสท์
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.