เหยื่อโดนหลอกลงทุนทองสูญเงินกว่า 300 ล้านบาท ร้องตำรวจ บช.สอท.
“เพจสายไหมต้องรอด” พาตัวแทนผู้เสียหาย 30 คน ถูกหลอกลงทุนทองคำ ยื่นร้องขอ “ตำรวจ บช.สอท.” ดำเนินคดีฐานฉ้อโกง หลังบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงิน “อ้างติดดอย” เสียหายกว่า 300 ล้านบาท
วันที่ 6 ตุลาคม 2566 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พากลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง ร่วมลงทุนทองคำแท่งกับร้านทองแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน จำนวนกว่า 30 คน เข้าร้องตำรวจไซเบอร์ หรือ บช.สอท. ให้ดำเนินคดีกับเจ้าของร้านทองดังกล่าว หลังประวิงเวลาการจ่ายเงินคืนให้กับผู้เสียหายกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท
นายเอกภพฯ ระบุว่า เบื้องต้น ร้านทองดังกล่าวมีตัวตนจริง ก่อตั้งและหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่ปี 2564 พฤติการณ์ไม่ต่างกับมิจฉาชีพ
![](https://b2617624.smushcdn.com/2617624/wp-content/uploads/2023/10/หลอกลงทุน-5.jpg?lossy=1&strip=1&webp=1)
“โดยจะชักชวนลงทุนซื้อทอง แบบเกร็งกำไรล่วงหน้า อ้างว่าจ่ายเงินปันผลทุก 30 วัน ในอัตราส่วน 25,000 ต่อ 4,500 บาท (หรือประมาณ 18% ต่อเดือน) และจะได้กำไรขึ้นเรื่อย ๆ ตามราคาทองที่สูงขึ้น”
แผนการตลาดที่อ้างว่าจะได้กำไรอย่างรวดเร็ว ทำให้มีประชาชนจำนวนมากหลงเชื่อ โดยเฉพาะบางรายลงทุนไปกว่า 2,000 บาททองคำ (ประมาณ 64 ล้านบาท) บางคนถึงขั้นกู้ธนาคาร กู้สหกรณ์ หรือถึงขั้นยอมกู้เงินนอกระบบ เพื่อนำมาร่วมลงทุนด้วย
หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า มีนาคม 2564 เริ่มลงทุนครั้งแรก ด้วยทองคำน้ำหนัก 1 บาท และได้รับเงินปันผล เดือนเมษายน 2564 จำนวน 3,000 กว่าบาท ถูกหักค่าธรรมเนียมและค่าฝากไปอีกกว่า 1,000 บาท พอเห็นว่าได้รับเงินปันผลจริง จึงเพิ่มการลงทุนไปเรื่อย ๆ ยอดเงินลงทุนรวมกว่า 18 ล้านบาท กระทั่ง สิงหาคม 2565 ปรากฏว่าทางร้านทองหยุดจ่ายปันผลกำไร โดยอ้างว่า “เงินทองคำที่ทางร้านลงทุนไปติดดอย” ไม่สามารถเบิกถอนออกมาขาย หรือไม่สามารถนำเงินออกมาปันผลให้กับผู้เสียหายได้ หลังจากนั้นทางร้านพยายามบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ทั้งนีี้ ผู้เสียหายมีมากกว่า 100 ราย จึงรวมตัวกันมาแจ้งดำเนินคดี แต่ทางร้านกลับข่มขู่ว่า “ใครแจ้งความ จะไม่คืนเงิน” หากต้องการเงินคืนเพราะขาดความเชื่อมั่น ให้ไปลงชื่อไว้ ซึ่งทางเจ้าของร้านอ้างได้ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง โดยระบุไว้ว่า จะจ่ายเงินทุนคืนทั้งหมดช่วงกันยายนที่ผ่านมา ดังนั้น หากใครดำเนินคดีก่อนจะถือว่า เป็นการทำลายชื่อเสียงของบริษัท และจะไม่จ่ายเงินคืนแม้แต่บาทเดียว
แต่ปัจจุบัน ผ่านพ้นกำหนดที่ทางร้านระบุไว้ เมื่อทวงถามอีกรอบ ทางร้านยังคงเงียบ ไม่มีคำตอบ จึงต้องมาร้องขอความช่วยเหลือจาก “เพจสายไหมต้องรอด” เพื่อเป็นสื่อกลาง
ด้าน พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผู้บังคับการ สอท. 2 กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ได้สั่งการให้ตนมารับเรื่องทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด และรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนนำไปตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ฉ้อโกงประชาชน หรือเข้าข่ายการชักชวนการลงทุนแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ต่อไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบร้านทองดังกล่าว ปรากฎว่าไม่ได้เป็นสมาชิกของชมรมร้านทองจังหวัดลำพูน และสมาคมค้าทองคำ แต่อย่างใด
![](https://b2617624.smushcdn.com/2617624/wp-content/uploads/2023/10/หลอกลงทุน-4.jpg?lossy=1&strip=1&webp=1)
ขอขอบคุณที่มา : nationtv.tv
Comments are closed.