- Advertisement -

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่ามีหลายเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำโดยตรง โดยเฉพาะกรณีที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ระบุอาจปรับลดวงเงิน QE มากกว่าเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเร่งขึ้นดอกเบี้ย

พร้อมยอมรับว่า เงินเฟ้อเป็นของจริง ทำให้ราคาทองคำร่วงลงต่ำสุดแตะ 1,761 ดอลลาร์ ก่อนจะได้แรงหนุนจากตัวเลข NFP เดือน พ.ย. ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด แต่ราคาทองคำก็ดีดกลับมาได้ไม่มากนัก

“หลังการแถลงของ ปธ.เฟด ทำให้ภาพรวมของตลาดทองคำเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องของเงินเฟ้อ ซึ่งส่วนตัวมองว่า ปธ.เฟด รู้นานมาแล้ว แต่เพิ่งจะมายอมรับ พร้อมกับมีแอคชั่นกับตัวเลขเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดค่อนข้างกังวล ทำให้ต้องรอดูผลการประชุม FOMC ในกลางเดือนนี้ว่า จะออกมาอย่างไร หากทุกอย่างเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ คือ เร่งลด QE เพื่อเปิดทางขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนด จะทำให้ดอลลาร์แข็งค่า และไม่ส่งผลดีต่อราคาทองคำแน่นอน” คุณธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าว กับ GoldAround.com

อย่างไรก็ดี จะต้องมาดูว่าความชัดเจนเรื่องของเงินเฟ้อขณะนี้ว่าจะรุนแรงต่อเนื่องกินระยะเวลาเพียงไร ซึ่งจะต้องจับตาตัวเลขดัชนี CPI และราคาน้ำมัน เป็นหลัก เพราะหลังจากที่มีข่าวการแพร่ระบาดของไวรัส โอไมครอน ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงมา และหากว่าไวรัสตัวใหม่ยังคงสร้างปัญหา ก็อาจจะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงได้ แต่ขณะนี้ ทุกคนให้น้ำหนักไปที่เรื่องของการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งได้กดดันราคาโกลด์สปอตโดยตรง

- Advertisement -

“หากจะมองการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ จะพบว่า ค่อนข้างอึดอัดจะปรับลดลงค่อนข้างยาก แต่การจะปรับเพิ่มขึ้นดูแลจะลำบากเช่นกัน โดยราคาทองคำยังคง sideway กรอบ 1,750-1,810 ดอลลาร์ โดยราคาจะเคลื่อนไหวจากปัจจัยเรื่องการจ้างงาน การขึ้นดอกเบี้ย และเงินเฟ้อ ทำให้ราคาสลับขึ้น-ลง ซึ่งจะต่างจากตลาดคริปโตฯ ที่ราคาผันผวนแรง ทำให้มาแย่งความสนใจของนักลงทุนจากตลาดทองคำบางไปส่วน” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าว

ส่วนปัจจัยที่น่าติดตามหลังจากนี้ คุณธีรรัฐฯ มองว่า ต้องจับตาเรื่องของ ไวรัส โอไมครอน แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่มีความขัดเจนถึงเรื่องของความรุนแรงในการแพร่กระจาย และความรุนแรงของโรคต่อร่างกายมนุษย์ แต่ทันทีที่มีข่าวออกมา ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงรุนแรง และราคาน้ำมันปรับ ตัวลดลง โดยข้อมูลที่มีอยู่ คือ ยังไม่มีวัคซีนป้องกันได้ และแพร่กระจายได้รวดเร็ว แต่จะเร็วกว่า เดลต้าหรือไม่ ยังต้องรอผลการยืนยัน แต่โดยรวมก็ถือว่าน่ากังวล เพราะหากโอไมครอน เก่งกว่าเดลต้า กว่าจะผลิตวัคซีนได้ต้องใช้เวลา และอาจจะทำให้หลาย ๆ ประเทศต้องใช้มาตรการคุมเข้มอีกครั้ง

กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวถึงการประชุม FOMC ในช่วงกลางเดือนว่า ต้องรอดูว่า ในที่สุดแล้ว FED จะตัดสินใจอย่างไร แต่มองว่าไม่ว่าจะออกมาทิศทางไหน ราคาทองคำไทยค่อนข้างจะได้เปรียบ เพราะหาก FED จะเร่งลด QE เพื่อขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์แข็งบาทอาจจะอ่อนแตะ 34 บาท ต่อดอลลาร์ ซึ่งอาจจะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวไปบ้างแต่ก็ไม่มาก

ในทางกลับกัน หากเฟด ต้องการชะลอดูผลกระทบจาก โอไมครอน ก่อน โดยยังจะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้ราคาโกลด์สปอตพุ่ง ซึ่งราคาทองไทยก็จะขยับขึ้นเช่นกัน และหากว่าผลออกมาว่า โอไมครอน รุนแรงกว่า เดลต้า ก็จะส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงอีก เพราะการท่องเที่ยวอาจจะต้องหยุดชะงักลงอีก จึงมองว่าการลงทุนในทองคำไทยในช่วงนี้ ดูจะได้เปรียบมากกว่า และปลอดภัยมากกว่า ส่วนกลุ่มลงทุนโกลด์สปอต คงจะเน้นกลยุทธ์เดย์เทรด ทำกำไรช่วงสั้น ๆ ไปก่อน

ขอขอบคุณ InterGOLD

- Advertisement -