ทิศทางราคาทองคำ ปี 2567 – Gold Outlook 2024 EP6
สัมภาษณ์พิเศษ คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ – ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส (YLG)
YLG ชี้สถานการณ์โลกหนุนทองคำพุ่ง gold spot มีเป้าหมายที่ 2,200 ดอลลาร์ ด้านทองคำไทยโฟกัสเงินบาท หลังผันผวนหนัก
ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
.
รับชมคลิป ทิศทางราคาทองคำ ปี 2567 – Gold Outlook 2024 EP6
คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวกับ GoldAround ว่า
ตั้งปีแต่ปี 2015 ราคาทองคำในแต่ละปีมีการยกระดับต่ำสุดสูงขึ้น จนแกว่งตัวเคลื่อนไหวกรอบทรงตัวในระดับสูงในช่วงปี 2020-2023
ทำให้ YLG มองว่าภาพรวม ราคาทองคำ gold spot ยังเคลื่อนไหวทิศทางแกว่งตัวค่อย ๆ ปรับตัวขึ้น หรือ sideway up
ทั้งนี้ ราคาทองคำ gold spot ปรับตัวขึ้นเหนือโซน 2,070-2,075 ดอลลาร์ (ระดับสูงสุดของปี 2022 และ ปี 2020 ตามลำดับ)
ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. 2023 ราคาได้ขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,144 ดอลลาร์ ก่อนจะลงมาแตะระดับต่ำสุดของวันแถว 2,020 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการแกว่งตัวสูงถึง 124 ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นปีราคาได้มีการพักฐานลงมา โดยมีปัจจัยมาจากการเปลี่ยนแปลงของกระแสคาดการณ์ต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนเวลา การเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปเป็นการประชุม FOMC เดือน มิ.ย. จากเดิมที่ตลาดการณ์ว่าจะเริ่มในการประชุมเดือน มี.ค.
รวมถึงจำนวนครั้งที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ 6 ครั้ง เหลือเพียง 3-4 ครั้ง ทำให้ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับที่สูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี ทองคำยังพอมีแรงหนุนจาก สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ประกอบกับความต้องการในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน จึงพยุงให้ราคาทองคำสามารถรักษาการเคลื่อนไหวเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ ได้
ในระยะสั้น มองแนวรับแถว 2,020 ดอลลาร์ หากว่าราคายังหลุดลงไป นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อสะสมทองคำเพิ่มเติม เมื่อราคาอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญแถว 1,902-1,884 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของเดือน ก.ค. 2023 และ เดือน ก.ย. 2023 หากยืนไม่อยู่ จะมีแนวรับถัดไปในโซน 1,804-1,764 ดอลลาร์ ระดับต่ำสุดของปี 2023 และเดือน ธ.ค. 2023
ทั้งนี้ หากการอ่อนตัวลงอยู่ในระดับจำกัด ประเมินว่า เป็นการแกว่งตัวในกรอบเพื่อสะสมแรงซื้อ และราคายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 2,144 ดอลลาร์ และคาดว่าปีนี้ราคามีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 2,200 ดอลลาร์ ได้
ทั้งนี้ YLG คาดว่า กรอบราคาทองคำ gold spot ในปีนี้จะมีแนวรับที่ 1,902-1,884 ดอลลาร์ และ1,804-1,764 ดอลลาร์ ขณะที่กรอบแนวต้านอยู่ที่ 2,144 และ 2,200 ดอลลาร์
“จากสถิติที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ราคาทองคำ gold spot ปรับเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 10 % ซึ่งปีทีผ่านมาก็ปรับขึ้นมาได้ 13-14% ดังนั้น ในปีนี้ก็คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้ตามค่าเฉลี่ย
อย่างไรก็ดี อยากให้นักลงทุนได้วางแผนการลงทุนในภาพรวม โดยแนะนำว่าควรจะมีทองคำในพอร์ตการลงทุนประมาณ 5-10 %” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วายแอลจีฯ กล่าว
มาดูปัจจัยหนุนราคาทองคำปีนี้ หลัก ๆ คือ แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ทั้งนี้ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2023 ตลาดตอบสนองเชิงบวกเป็นอย่างมากต่อแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด หนุนให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวระดับสูงจนมาถึงช่วงต้นปี
โดยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในรอบเดือน ธ.ค. นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยลงครั้งแรกในการประชุม FOMC เดือน มี.ค. และจะปรับลดลงไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง สู่ระดับต่ำสุดที่ 3.75-4.00%
ขณะที่จากรายงานประมาณการภาวะเศรษฐกิจของเฟดฉบับเดือน ธ.ค. ระบุตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในปี 2024 ของเฟด ที่ระดับ 4.6% หรือเท่ากับการปรับลดเพียง 3 ครั้ง เท่านั้น
ต่อมา เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายพยายามชี้ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. นั้น ยังคงเร็วเกินไป นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลายรายการ โดยเฉพาะข้อมูลในฝั่งตลาดแรงงาน และดัชนีราคาผู้บริโภค นั้น ยังคงออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดการณ์
บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถชะลอตัวลงในรูปแบบซอฟท์แลนดิ้ง ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เฟดมีความจำเป็นต้องเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด
ด้วยกระแสเชิงลบที่เพิ่มมากขึ้น ท้ายที่สุด นักลงทุนได้หั่นความเชื่อมั่นลง โดยในปัจจุบันนักลงทุนส่วนใหญ่ให้น้ำหนักต่อคาดการณ์แนวโน้มที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในรอบการประชุมเดือน พ.ค. และจะปรับลด 5 ครั้ง สู่ระดับ 4.00-4.25% ภายในปี 2024
นอกจากนั้น ยังต้องจับตาการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศชั้นนำแห่งอื่น ๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางยุโรป ที่มีแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง ยาวนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยให้น้ำหนักต่อแนวโน้มที่ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้ง จากเดิมที่ 6 ครั้ง ภายในปี 2024
อีกประเด็นที่ยังต้องติดตามใกล้ชิด คือ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ได้มีการขยายวงกว้างกลายเป็นความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในพื้นที่ทะเลแดง
และยังต้องจับตากรณีที่อิหร่านยิงขีปนาวุธไปยังปากีสถาน โดยเป็นการพุ่งเป้าในการโจมตีเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่อยู่ในพื้นที่ปากีสถาน
อย่างไรก็ตาม การโจมตีดังกล่าว นับเป็นการละเมิดอธิปไตย ซึ่งทำให้ปากีสถานทำการตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศเช่นกัน ซึ่งนับเป็นเหตุการณที่เพิ่มความตึงเครียดในพื้นตะวันออกกลาง
ซึ่งประเด็นนี้ ยังต้องจับตาใกล้ชิด หากสถานการณ์ทวีความตึงเครียดมาก มีแนวโน้มที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้น จากการถูกหนุนด้วยแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ส่วนราคาทองคำในประเทศ
นอกจากต้องติดตามสถานการณ์ทั่วโลกแล้ว ที่จะส่งผลต่อราคาทองคำ gold spot แล้ว ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม ก็คือ การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือว่าเคลื่อนไหวผันผวนหนัก
ขณะที่ ทิศทางค่าเงินบาทในภาพรวมปี 2024
ประเมินว่าจะแกว่งตัว sideway ออกข้าง ด้วยปัจจัยที่หลากหลายทั้งนโยบายทางการเงินและการคลัง รวมไปถึงความท้าทายในภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจเผชิญกับความเสี่ยง
โดยความเสี่ยงภายในประเทศที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หากเกิดความล่าช้าจนไม่สามารถแสดงผลในปี 2024 ตามที่นายกฯ ออกมายอมรับว่า อาจไม่ทันเดือน พ.ค.2024 จะกระทบ GDP ไทยเหลือเติบโตราว 3.1-3.2% ลดลงจากกรณีที่หากมีโครงการดังกล่าวช่วยหนุน GDP จะโตได้ประมาณ 3.6-3.8% ปัจจัยนี้อาจกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าได้
นอกจากนั้น ต้องดู fund flow นักลงทุนต่างชาติไหลออก ในตลาดหุ้นในปี 2023 มีมูลค่าการขายสุทธิสะสมมากถึง 192,490 ล้านบาท รวมไปถึงในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก (1-19 ม.ค.) ของปี 2024 fund flow ยังไหลออกต่อเนื่องอีก 17,264 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันค่าเงินบาทอ่อนค่าด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทอาจผันผวนและกลับมาอ่อนค่าได้ตามทิศทางเดิมที่ sideway up มาตลอดตั้งแต่ปี 2020
ทั้งนี้ YLG คาดการณ์ กรอบราคาทองคำ 96.5% ปีนี้ โดยให้แนวรับที่ 31,850-31,550 บาท และ 30,200-29,550 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 35,900 และ 36,850 บาท
Comments are closed.