คาดตลาดทองยังผันผวนต่อแม้ปิดสัปดาห์เหนือ $4,110 แต่ยังเสี่ยงถูกเทซ้ำ
คาดตลาดทองคำยังคงผันผวนต่อเนื่อง แม้ปิดสัปดาห์จะยืนเหนือ $4,110 ได้ แต่ยังมีความเสี่ยงถูกเทขายซ้ำ แนะลดขนาดการลงทุน
สถานการณ์ราคาทองคำและโลหะเงินในปัจจุบันมีความผันผวนอย่างรุนแรง ทำให้การตัดสินใจลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ราคาทองคำและโลหะเงินในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถดีดตัวกลับคืนจากแรงเทขายในชั่วข้ามคืนได้เกือบทั้งหมด
โดยมีปัจจัยหลักมาจาก การรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาในระดับที่ไม่น่ากังวล ซึ่งเป็นการยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในกาประชุม FOMC สัปดาห์นี้ ( 27- 31 ต.ค.)
อย่างไรก็ตาม ตลาดเข้าสู่สภาวะที่มีความผันผวนรายวันสูงมาก (Extreme Volatility) จนอาจทำให้นักลงทุนทั้งฝ่ายซื้อ และฝ่ายขาย ถูกบังคับให้ออกจากตลาดได้ภายในวันเดียว
โดยคาดว่า ความผันผวนจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในสัปดาห์นี้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสถานการณ์เช่นนี้มักจะ เอื้อประโยชน์ต่อฝั่งขาย
สำหรับนักลงทุนที่ยังคงต้องการซื้อขายทองคำโดยตรงในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง อาจจะลงความเสี่ยงในการลงทุนลง ด้วยการใช้ปริมาณเงินที่ลดลง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบทางการเงินจากความเคลื่อนไหวของราคา
อย่างไรก็ดี ปัจจัยพื้นฐานยังคงหนุนทองคำ ทำให้ภาพรวมยังอยู่นแนวโน้มขาขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้
1. ความไม่แน่นอนจาก Government Shutdown: การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่สามารถหาข้อสรุปการ Shutdown ได้ ทำให้ขาดข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งนำไปสู่ความไม่แน่นอนในตลาด และเป็นปัจจัยบวกสำหรับทองคำ และซิลเวอร์
2.แนวโน้มการลดดอกเบี้ยทั่วโลก: คาดว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และตลาดคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% เริ่มจากการประชุม FOMC เดือน ต.ค.และธ.ค.
3.รัฐบาลจีนส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน: หลังตัวเลขเศรษฐกิจอ่อนแอลง ขณะที่ประเทศอื่น ๆ เช่น แคนาดา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ได้ดำเนินการลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว
ในทางกลับกัน มีปัจจัยทางจิตวิทยาและปัจจัยภายนอกที่กำลังกดดันราคาทองคำ โดยปัจจัยทางจิตวิทยา ก็คือทั้งฝ่ายซื้อและฝ่ายขายทองคำต่างเผชิญกับความกังวลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทางจิตวิทยาตลาดถือเป็นสัญญาณที่เอื้อต่อฝ่ายขาย
ส่วนปัจจัยภายนอก มาจากดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวกลับอย่างแข็งแกร่งและทำสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งสะท้อนตลาดเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น และเป็นสัญญาณลบสำหรับสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกันดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (U.S. Dollar Index) มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตั้งแต่กลางเดือนกันยายน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยเชิงลบต่อตลาดทองคำและโลหะเงิน
อ้างอิง Kitco.com








Comments are closed.