ราคาทองคำเตรียมพุ่งอีกระลอก หาก “ทรัมป์” เก็บภาษีเต็มอัตรา 2 เม.ย.นี้ Goldman Sachs ขยับเป้าไป $3,300 แล้ว

คุณภัทริน วชิรคพรรณ Chief Operation Officer บจ.เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ กล่าวกับ GoldAround ว่า

ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ gold spot ได้ปรับตัวขึ้นแรง พร้อมทำจุดสูงสุดตลอดกาล ( All Time High : ATH ) ต่อเนื่อง โดยวันพฤหัสขึ้นแตะ 3,059 ดอลลาร์ และวันศุกร์แตะระดับ 3,086 ดอลลาร์ ทำให้แนวโน้มที่ราคาทองคำ gold spot จะทะลุ 3,100 ดอลลาร์เป็นไปได้สูง โดย เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ ให้แนวต้านสำคัญไว้แถว 3,100-3,130 ดอลลาร์

ทั้งนี้ราคาทองคำ gold spot ได้แรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลัง ปธน. ทรัมป์ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กในอัตรา 25% จากเดิมที่เก็บในอัตรา 2.5% และการเรียกเก็บภาษีชิ้นส่วนรถยนต์ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เม.ย. ทั้งนี้เพื่อหวังจะดึงให้ค่ายรถยนต์ย้ายฐานการผลิตมาตั้งในอเมริกา

ขณะที่วันที่ 2 เม.ย. ก็เตรียมใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ต่อกลุ่มประเทศที่มียอดเกินดุลการค้าสูงสุดกับสหรัฐฯ รวม 15 ประเทศ ซึ่งมีรายงานว่าหลายประเทศก็จะมีมาตรการโต้ตอบสหรัฐกลับเช่นเดียวกัน ทำให้ต้องมาติดตามดูว่าสถานการณ์เรื่องของสงครามการค้าจะลุกลามบานปลายไปมากน้อยเพียงไร

แต่ความกังวลเรื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจจะเกิดปัญหาขึ้นจากมาตรการกำแพงภาษีของ ปธน.ทรัมป์ ประกอบผลการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ชุดล่าสุด ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ฉุดให้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (28 มี.ค.) โดยหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง อะเมซอน (Amazon), ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และหุ้นอื่น ๆ ถูกเทขายออกมา และเม็ดเงินได้ไหลกลับเข้ามาสู่สินทรัพย์ปลอดภัย

ขณะเดียวกันทองคำยังได้แรงหนุนจาก ความรุนแรงของสงครามในตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็นอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส และสหรัฐกับกลุ่มฮูตีในประเทศเยเมน ที่ยังมีความครุกรุ่นอยู่ ส่วนความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครน ก็ดูเหมือนจะสงบศึกไม่ง่ายนัก หากการเจรจาไม่ลงตัว

ปัจจัยทั้งหมดทำให้ Goldman Sachs ได้ปรับคาดการณ์ราคาทองคำใหม่ โดยคาดว่าในสิ้นปี 68ราคาไปแตะระดับ 3,300 ดอลลาร์ โดยนักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs มองว่าหากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทำให้การถือครองทองของกองทุน ETF กลับไปแตะระดับสูงสุดเช่นช่วงวิกฤตโควิดในปี 2563 ราคาทองคำอาจปรับขึ้นไปถึง 3,680 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี

“อย่างไรก็ดีแม้ว่าปัจจัยหนุนของราคาทองคำยังมีมาต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของปัจจัยเรื่องของเศรษฐกิจและปัจจัยทางเทคนิค แต่เนื่องจากราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นมาแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ก็อยากให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะราคาอาจจะมีการพักฐานแรงได้

ประกอบกับมีการประเมินว่าราคาทองคำ ณ ปัจจุบัน มีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริงประมาณ 17% ซึ่งหากคำนวณย้อนกลับราคาที่เหมาะสม อาจจะอยู่แถว 47,000-48,000 บาท ดังนั้นอยากให้นักลงทุนนำปัจจัยต่างๆ ที่นำเสนอไปใช้ประกอบการวางแผนการลงทุน “ Chief Operation Officer บริษัท เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ จำกัด กล่าว

ส่วนมุมมองทางเทคนิคราคาทองคำ gold spot ได้ปรับขึ้นต่อเนื่องทำสูงสุดใหม่อย่างฉุดไม่อยู่ โดยเมื่อวันศุกร์ราคาได้ขึ้นมาถึงแนว 3,086 ดอลลาร์ ทำให้ภาพรวมราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Super Bullish ทั้งนี้ให้ระวังแนวโน้มค่าเงินบาทที่อาจกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งมีผลต่อราคาทองคำในประเทศมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ ให้โซนแนวต้านสำคัญของราคาทองคำ gold spot ที่ 3,100-3,110 ดอลลาร์ และ 3,125-3,130 ดอลลาร์ โดยให้พิจารณาขายทำกำไรที่โซนดังกล่าว จากสัญญาณ divergence ที่เกิดขึ้นในภาพใหญ่
ส่วนโซนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 3,065-3,055 ดอลลาร์ และ3,030-3,020 ดอลลาร์ และ 3,000 ดอลลาร์ รอพิจารณาเข้าซื้อเพื่อ follow trend หากไม่หลุดแนวรับดังกล่าว และเกิดสัญญาณกลับตัว

ส่วนราคาทองคำในประเทศ ได้ทำจุดสูงสุดตลอดกาล ( All Time High : ATH ) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยสมาคมประกาศปรับราคาขายทองคำแท่ง 96.5 เพิ่มขึ้น 150 บาท ทำให้ราคาขายออกอยู่ที่ 49,600 บาท และราคารับซื้อ 49,500 บาท คำนวนจากค่าเงินบาท 33.96 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ราคาทองคำไทยยังได้แรงหนุนจาก ราคาทองคำ gold spot ที่ปรับเพิ่มขึ้นขณะที่ค่าเงินบาทไม่ได้แข็งค่ากดดัน ทำให้ราคาทองคำไทยปรับตัวขึ้นแรง ทำให้มีโอกาสที่ราคาทองคำไทยจะทะลุแนวต้าน 50,000 บาทได้ไม่ยาก
กลยุทธ์การลงทุนยังเป็นการย่อซื้อตามแนวรับ 49,100-49,000 บาท และ 48,600-48,500 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 49,900-50,000 และ 50,200-50,300 บาท

รับชมคลิป