Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

ทิศทางทอง67-GoldOutlook2024 EP2: คุณวิโรสินี สดากร ชายน์นิ่งโกลด์

- Advertisement -

6,033

- Advertisement -

ทิศทางทองคำ 2567 – Gold Outlook 2024 EP2

สัมภาษณ์พิเศษ คุณวิโรสินี สดากร AISA ผจก.ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บจ.ชายน์นิ่งโกลด์ บูลเลี่ยน

Shining Gold Bullion มองปีนี้มังกรจะพ่นไฟ gold spot อาจจะบินถึง $2,260 ได้ 3 ข่าวหนุน ประกอบกับกราฟทางเทคนิคอยู่ในช่วงดีดตัว

ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com

.

- Advertisement -

รับชมคลิป ทิศทางทองคำ 67 – Gold Outlook 2024 EP2

คุณวิโรสินี สดากร ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บจ.ชายน์นิ่งโกลด์ บูลเลี่ยน กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำ ปีนี้ว่า

คาดว่าปีนี้ราคาทองคำ gold spot จะทำจุดสูงสุดใหม่ เพราะราคาได้มีการยกจุดต่ำสุดเพิ่มขึ้นทุกปี โดยธีมหลักปีนี้คือจะรอดูว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด จะลดดอกเบี้ยมากน้อยเพียงไร และจะเริ่มลดเดือนอะไร

“ทั้งนี้ ทุกครั้งที่เฟดลดดอกเบี้ย ราคาทองคำที่เป็นขาขึ้นอยู่แล้วก็จะขึ้นต่อง่ายมาก และจากที่เป็นขาลง จะปรับตัวขึ้นได้ ประกอบกับในช่วงนี้ยังมี premium ก็คือ ภาวะสงครามที่มีความเสี่ยงหลากหลายภูมิภาค

ตราบใดที่ประเทศมหาอำนาจ 2 ขั้วใหญ่ยังมีการแก่งแย่งความเป็นใหญ่ มันก็จะมีการแตกแยก มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก

- Advertisement -

เพราะฉะนั้นความเสี่ยงของการเกิดสงคราม จะเป็นแรงหนุนสำคัญ ถ้ามีสงครามเข้ามาเสริมกับเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย ราคาทองคำก็มีโอกาสที่จะไปได้ไกลขึ้น แต่ถ้าไม่มีสงครามก็ไม่เป็นไร แค่เฟดลดดอกเบี้ยอย่างเดียว ราคาทองคำก็ไปไกลได้เหมือนกัน” คุณวิโรสินีฯ กล่าว

มาดูในฝั่งเทคนิค เมื่อมาดูใน time fame month จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ปี 2020 จนถึงปี 2023 กราฟทองคำในอีเลียตเวฟยังอยู่ในช่วงคลื่น 3 ลงไป 4 อยู่ประมาณ 3 ปีเต็ม

โดยในช่วงดังกล่าว ราคาเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบประมาณ 470 ดอลลาร์ แนวต้านสำคัญที่ผ่านยากมาก และราคาได้ขึ้นมาทดสอบถึง 3 รอบ ก็คือ 2,075 ดอลลาร์ และฐานแนวรับหลักอยู่ที่ 1,600 ดอลลาร์

หลังจากที่ราคาทองคำอยู่ในช่วงดังกล่าวมาถึง 3 ปี ขณะนี้ กำลังรอที่จะเข้าสู่คลื่น 4 ไปคลื่น 5 ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวจะต้องยาวกว่าคลื่น 3 ไป 4

และในช่วงที่ผ่านมา กรอบการเคลื่อนไหวในคลื่น 3 ไป 4 เริ่มแคบลง และพร้อมที่จะตวัดหางขึ้นไปสู่คลื่น 5 ขึ้นอยู่กับว่า จะเริ่มขึ้นในช่วงไหน ถ้าคลื่น 5 เริ่มตวัดหางขึ้นในช่วงต้นปี จะทำให้ราคาทองคำ gold spot จะพุ่งไปไกลมากกว่า +470 ดอลลาร์

ทั้งนี้ หากจะมองประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เฟดกำลังจะลดดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นแรงหนุนชั้นดี ขึ้นอยู่กับว่าเฟดจะเริ่มลดในช่วงไหน ถ้าเริ่มในช่วงไตรมาสแรก ราคาทองคำจะทำ new high และอาจจะไปไกล

และถ้ายิ่งได้แรงหนุนจากการเกิดสงคราม ก็จะยิ่งไปไกลมากกว่าเดิม แต่ถ้าไม่มีสงครามก็ไม่เป็นไร เพราะหลังจากนี้เฟดจะค่อย ๆ ลดดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ

ในทางกลับกัน หากว่าเฟดเริ่มลดดอกเบี้ยช้า แทนที่ราคาทองจะขึ้นเวฟ 5 เร็วขึ้น ก็อาจจะกลับมาพักตัวในเวฟ 4 ในช่วงปลาย ๆ แต่มองว่า ราคาต่ำสุดได้ยกตัวขึ้นมาก จะไม่เห็นราคากลับลงไประดับ 1,600 หรือ 1,700 ดอลลาร์ โดยจะเห็นฐานที่ยกขึ้นมาเป็น 1,850 ดอลลาร์

แต่การพักตัวรอบนี้ ราคาไม่จำเป็นต้องลงไปถึงแนวดังกล่าว เพราะว่าฐานได้ยกขึ้นมาแล้ว เพื่อจะบีบกรอบให้แคบลง เพราะช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้เห็นจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,148 ดอลลาร์ ไปแล้ว

และหากราคาหลุดทะลุไปได้ ประเมินคร่าว ๆ กรอบด้านบนอาจจะเห็นไปแตะ 2,260 ดอลลาร์ ซึ่งอาจจะเพิ่มขึ้นลดลงได้ ถ้าเป็นกรอบด้านล่างประเมินว่าไม่น่าหลุดต่ำกว่า 1,850 ดอลลาร์

ประเด็นที่จะเป็นแรงหนุนราคาทองคำ สำคัญสุดคือ นโยบายของธนาคารกลางหลัก ๆ

โดยจะโฟกัสไปที่เฟด เป็นอันดับ 1 ซึ่งนโยบายเฟด คือ ปีนี้จะลดดอกเบี้ยแน่ ๆ แต่จะเริ่มลดเดือน มี.ค. หรือไม่ ต้องมาดูผลประชุมอีกครั้ง

นอกจากนั้น ก็จะดูที่ BOJ ซึ่งหาก BOJ หันมาขึ้นดอกเบี้ย ก็จะทำให้เงินไหลเข้าประเทศ และจะกดดันดอลลาร์ ส่วน ECB และ BoE จะให้ความสำคัญรองลงมา

เพราะฉะนั้น ตัวนโยบายของธนาคารกลาง ก็น่าจะผลักดันราคาทองคำได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะนโยบายเฟดที่จะลดดอกเบี้ย

รื่องต่อมา ที่จะเป็นแรงหนุนสำคัญทำให้ราคาทองคำไปได้ไกลขึ้นกว่าที่คาดแถว 2,260 ดอลลาร์ ก็คือ เรื่องของสงคราม ซึ่งที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดได้ อย่างเช่นสงคราม รัสซีย-ยูเครน, อิสเราเอล-กลุ่มอามาส หรือ ความขัดแย้งในทะเลแดง

ซึ่งแม้ว่าขณะนี้ดูเหมือนจะลดความรุนแรงลงไป แต่ทุกจุดก็พร้อมที่จะประทุขึ้นได้ตลอดเวลา รวมถึงอาจจะมีจุดความขัดแย้งใหม่ ๆ เพิ่มเติม จุดที่ต้องจับตาใกล้ชิด ก็คือ จีนกับไต้หวัน หากมีมือที่ 3 เข้ามายุ่ง เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาลุกลามบานปลาย

ประเด็นสุดท้ายความต้องการทองคำของธนาคารต่าง ๆ โดยเฉพาะจีน ซึ่งปีที่ผ่านมา ประเทศจีนได้ซื้อทองคำเก็บสะสมมาต่อเนื่อง รวมถึงประเทศอื่น ๆ ด้วย

ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงไม่แน่ชัดว่าเพื่อเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงในเรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวหรือไม่ หรือจะมีเหตุผลมากกว่านั้น

“3 ประเด็นหลัก ๆ หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทั้งหมด ส่วนประเด็นที่จะทำให้ราคาทองคำลดลง อาจจะเป็นเฟดไม่ลดดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ อาจจะเป็นเพราะเงินเฟ้อกลับมา หรืออาจจะลดช้า หรือลดไม่ถึง 3 ครั้ง

ตัวนี้จะดึงให้ราคาทองคำลดลง หรืออาจจะไม่ลดดอกเบี้ยช่วงตันปี ก็อาจจะทำให้ทองคำกลับลงมาพักฐาน หรือลงมารับนักลงทุนที่ยังไม่ได้เข้าซื้อ แต่สุดท้ายเมื่อเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย ราคาทองคำก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ดี”

ส่วนการวางแผนการลงทุน ตอนนี้เริ่มแบ่งการลงทุน โดยจะดูว่าเดือน ม.ค. ราคาทองคำสามารถทะลุ 2,100 ดอลลาร์ได้หรือไม่ ถ้าทะลุไม่ได้ อาจจะลงมาพักฐานแถว 2,000 หรือ 1,950 หรือ 1,900 ดอลลาร์ ให้แบ่งเงินทุนเข้าซื้อ

ถ้าเป็นนักลงทุนระยะกลาง แบ่งจุดละ 20% เพราะว่าถ้าเฟดไม่ได้ลดดอกเบี้ยเดือน มี.ค. ก็จะซื้อสะสมเพิ่มเติมอีก 1-2 จุด ห่างกันจุดละไม่เกิน 50 ดอลลาร์ แต่มองว่าราคาไม่น่าหลุด 1,850 ดอลลาร์ ลงไป และถ้าเฟดเริ่มลดดอกเบี้ยเดือน มี.ค. คนที่ซื้อไปแล้ว ก็จะสามารถแบ่งขายทำกำไรได้

ทั้งนี้ ในส่วนของราคาทองคำ gold spot มองว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ดังนั้น ราคาทองคำไทยก็ต้องทำลายสถิติเดิมเช่นกัน ซึ่งในปีที่ผ่านมา ในช่วงที่ราคาทองคำ gold spot ขึ้นไปแตะ 2,148 ดอลลาร์

ราคาทองคำไทยขึ้นไปแตะแถว 34,900 บาท ปีนี้ก็เลยมองว่า ถ้าราคาทองคำ gold spot ทำนิวไฮได้ ราคาทองไทยอาจจะไปถึง 36,000 บาท แต่ขึ้นอยู่กับเงินบาทด้วย

ขณะที่ ฐานราคาทองคำไทยยกขึ้นมาต่อเนื่อง 29,000 ขยับมาเป็น 30,000 และ 31,000 บาท และปีนี้ ผ่านมาขึ้นมาแถว 32,000 บาท ดังนั้น การลงทุนต้องแบ่งเข้าซื้อสะสมหากราคาปรับลดลงมา ไล่ไปตั้งแต่ 33,300, 32,800 และ 32,500 บาท ยิ่งพักฐานลึกยิ่งซื้อสะสม

อย่างไรก็ดี หากราคาหลุด 32,000 บาท ต้องระวัง และต้องกลับมาดูเหตุที่ทำให้ราคาหลุดลงมา อาจจะเป็นเรื่องนโยบายของเฟดที่ปรับเปลี่ยนไป หรือ จีนกลับมาเทขายทองคำที่ซื้อสะสมไว้

ส่วนเรื่องของค่าเงินบาท อยากจะโฟกัสเรื่องของปัจจัยภายนอกประเทศ เพราะเรื่องภายในประเทศละเอียดอ่อนและมีรายละเอียดมาก

ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา เฟดขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เงินบาทอ่อนค่า เพราะเม็ดเงินจะไหลไปยังจุดที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า

แต่ปีนี้ หากเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ย ดังนั้น เงินบาทก็เป็นธีมแข็งค่า แต่งคงไปไม่ถึงระดับ 29-30 บาทต่อดอลลาร์

โดยให้กรอบเงินบาทต่ำสุดอยู่ที่ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ จุดสูงสุดอยู่ที่ 36.50 บาทต่อดอลลาร์

“ทั้งนี้ ในภาพรวมมองว่า ปัจจัยทั้งหมดมีโอกาสหนุนทองขึ้น 70% มีโอกาสพลิกล็อค 30% แต่มองว่า ราคาทองคำจะไม่ลงไปทำนิวโลว์ ไม่ทำให้เทรนด์ใหญ่ทองคำเสียไป”

- Advertisement -

Comments are closed.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More