ทิศทางราคาทองคำ ปี 2567 – Gold Outlook 2024 EP7
พูดคุยกับ คุณพิพัฒน์ วชิรลาภไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บจ.ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด หรือ SCT GOLD
SCT Gold มองทองคำปีนี้ยังบวกต่อ แต่อาจไม่ร้อนแรงเหมือนคาดการณ์ จับตา ”เงินเฟ้อ – เฟด – เลือกตั้ง – เงินบาท”
ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
.
รับชมคลิป ทิศทางราคาทองคำ ปี 2567 – Gold Outlook 2024 EP7
คุณพิพัฒน์ วชิรลาภไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บจ.ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ เทรด จำกัด หรือ SCT Gold กล่าวกับ GoldAround ถึงภาพรวมราคาทองคำ gold spot ในปีนี้ว่า
ทาง SCT gold ยังมองไปในทิศทางที่เป็นบวก โดยปัจจัยหลักมาจากนโยบายการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ที่จะเริ่มลดดอกเบี้ยปีนี้เป็นปีแรก และคาดว่าแนวโน้มการลดดอกเบี้ยจะดำเนินติดต่อกัน 3 ปีขึ้นไป
โดยเฉพาะถ้าเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง ก็มีโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยนานมากขึ้น แต่จะไม่ใช่ปรับลดดอกเบี้ยทุกครั้งที่มีการประชุม แต่จะพิจารณาการลดแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะดูตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงนั้น ๆ
แต่ในปีแรกที่มีการเปลี่ยนนโยบายเรื่องดอกเบี้ย จะทำให้เกิดการหมุนของเงินทุนของโลก โดยเงินทุนจะเริ่มไหลออกจากอเมริกา ไปพักในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า อย่างเช่นตลาดหุ้นในเอเชียหรือทองคำ
ส่วนในปีนี้ เฟดจะลดดอกเบี้ยกี่ครั้งและจะลดลงมากี่เปอร์เซ็นต์ ต้องดูตัวเลขเงินเฟ้อว่าจะลดลงมาน้อยเพียงไร
ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญ และส่งผลโดยตรงกับราคาทองคำ หากเงินเฟ้อยังปรับลงไม่มาก หรือลดลงอย่างช้า ๆ เฟดก็จะยังคงดอกเบี้ยระดับสูงเป็นเวลานาน จนกว่าที่เงินเฟ้อจะลงอย่างมีนัยยะสำคัญและใกล้กับเป้าหมายที่ 2%
เพราะฉะนั้น ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ SCT Gold ยังมองว่าราคาทองคำยังอยู่ในช่วงของการพักฐาน
โดยจะต้องมาลุ้นตัวเลขเงินเฟ้อที่ประกาศในแต่ละเดือน ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดในแต่ละรอบของการประชุม
นอกจากนั้นยัง ต้องจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีของ 3 ประเทศ คือ ไต้หวัน – รัสเซีย และ สหรัฐอเมริกา ซึ่งการเลือกตั้งประธานนาธิบดีของไต้หวันได้ผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งผลการเลือกตั้งสะท้อนให้เห็นว่าความตรึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ ไต้หวัน และจีน จะยังอยู่กันอีกหลายปี และคาดว่าจะส่งบวกกับราคาทองคำในระยะยาว
ส่วนการเลือกตั้งของรัสเซีย หากว่า “ปูติน” ยังคงได้รับการเลือกตั้ง นโยบายกลุ่ม BRICS ก็จะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ก็คาดว่าจะรุนแรงเพิ่มขึ้น
สุดท้ายในช่วงปลายปี จะเป็นการเลือกตั้งที่สหรัฐ โดยมองว่า ไม่ว่าจะฝั่งเดรโมแครต หรือรีพับลีกัน ได้รับเลือก ก็ยังเป็นบวกกับราคาทองคำ
หากฝั่งที่ครองอำนาจอยู่เดิมได้รับเลือก เชื่อว่าความขัดแย้งที่มีอยู่จะเริ่มรุนแรงมากขึ้น แต่หากฝั่งตรงข้ามได้รับชัยชนะ โดยเฉพาะหากว่า “ทรัมป์” ได้รับชัยชนะปัญหาสงครามการค้าจะกลับมา
อย่างไรก็ดี ในช่วงกลางปี ต้องจับตานโยบายของเฟด โดยคาดว่าจะต้องปรับนโยบายดอกเบี้ยเพื่อหนุนเศรษฐกิจอเมริกาให้ดีขึ้น เพื่อรองรับการเลือกตั้งในช่วงปลายปี ดังนั้น ในช่วงหลังสงกรานต์จนถึงเดือน มิ.ย. คาดว่าเฟดจะต้องเริ่มลดดอกเบี้ย
เมื่อมาดูภาพทางเทคนิค ภาพใหญ่ยังมองเป็น sideway up โดยปีนี้มองว่าราคาทองคำ gold spot จะต้องขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ โดยมองเป้าหมายแถว 2,200 หรือ 2,250 ดอลลาร์ ขณะที่แนวรับ มองว่าไม่ควรหลุด 1,900-1,920 ดอลลาร์
“สิ่งที่กลัวมากที่สุด ก็คือ เมื่อทุกคนมองภาพรวมราคาทองคำดีเหมือนกันหมด แต่ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้”
ทั้งในส่วนของทองคำ gold spot ซึ่งเฟดอาจจะไม่ลดดอกเบี้ยมาตามการคาดการณ์ไว้ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศ ต้องระวังเรื่องค่าเงินบาท แม้ว่าภาพของเงินบาทยังมีแนวโน้มในทิศทางอ่อนค่า แต่ต้องระวังเรื่องของฟันด์โฟวล์ ที่จะไหลมายังฝั่งเอเชีย อาจจะมาหนุนให้เงินบาทกลับมาแข็งค่า เพราะฉะนั้นอาจจะเห็นภาพของราคาทองคำ gold spot ที่ปรับสูงขึ้น แต่ราคาทองไทยขยับตามไม่ทัน เนื่องจากเงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาทองคำไทยปรับตัวขึ้นไม่ทันราคาทองคำ goldspot
โดยกรอบราคาทองคำไทยมองว่า เมื่อขึ้นไปถึง 34,500-34,800 บาท จะเผชิญกับเงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาทองไทยไปต่อได้ไม่ไกล อย่างไรก็ดี ยังมองว่าราคาทองไทยยังพอมีช่องว่าให้ทำกำไรระยะสั้นได้
แต่ SCT Gold ยังอยากจะเน้นให้ถือระยะยาว ส่วนแนวรับยังมองว่ามีโอกาสลงไปถึง 33,300 -33,400 บาท โดยอยากจะให้ดูในกรอบนี้ไปก่อน
แต่หากว่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าจากปัจจัยอื่น ๆ อาทิ นโยบายของรัฐบาลเรื่องดิจิตัลวอลเล็ต ก็ยังมีโอกาสที่ราคาทองคำไทยข้าม 35,000 บาท ไปได้ ต้องมารอดูสักอีกระยะ
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนทองคำในภาพรวม
มองว่าในไตรมาสแรก ถ้าราคาทองคำปรับลดลงพักฐาน เป็นโอกาสของการซื้อสะสม
ขณะที่ไตรมาส 2 มองว่าราคาทองคำเริ่มตั้งฐาน ยังใช้จังหวะย่อตัวในการซื้อสะสมเพิ่มเติม
ขณะที่ไตรมาส 3 และ 4 คาดว่า ราคาทองคำจะเริ่มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ย
“ส่วนการปรับขึ้นของราคาทองคำปีนี้ จะมากถึง 13% เหมือนปีที่ผ่านมาหรือไม่นั้น ราคาทองคำไทยให้จับตาที่ค่าเงินบาท ขณะที่ราคาทองคำ gold spot ยังเคลื่อนไหว sideway up แต่ปัจจัยสำคัญต้องรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร จะทรงตัว หรือจะลดลงหรือไม่”
Comments are closed.