ทิศทางราคาทองคำ ปี 2567 – Gold Outlook 2024 EP3
สัมภาษณ์พิเศษ คุณธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บจ.อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด (InterGOLD)
InterGOLD มองทองคำยังไปได้ แต่ไปไม่ไกล ชี้ 3 แนวทางที่จะเกิดขึ้นกับตลาดทองคำในปีนี้ แนะนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน
ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
.
ระบชมคลิป ทิศทางราคาทองคำ 2567 – Gold Outlook 2024 EP3
คุณธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บจ.อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด กล่าวกับ GoldAround ถึงแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปีนี้ว่า
หากจะดูถึงวงรอบการเคลื่อนไหวของทองคำ มองว่าปีนี้ยังคงเป็นปีของตลาดทองคำอยู่ คนซื้อยังได้เปรียบ แต่ว่าจะเป็นปีที่ต้องเริ่มระวัง
เพราะว่าทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันมาแล้วหลายปี ตั้งแต่ที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นมาสูง หลังจากนั้นก็เคลื่อนไหว sideway ใน กรอบประมาณ 1,800-2,070 ดอลลาร์
ถ้ามองภาพใหญ่ของราคาทองคำ ถือว่ามันเป็น sideway up และพยายามขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมหลายครั้ง แต่ปีที่ผ่านมา ราคาได้เพิ่มขึ้นแรงเกือบ 13% และขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,148 ดอลลาร์ แต่เป็นการทะลุขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ไม่สมบูรณ์นัก เพราะขึ้นไปแตะแล้วถูกเทลงมา
“ตั้งแต่ปี 2019 ราคาทองคำอยู่แถว 1,200 ดอลลาร์ เศษ ๆ ตอนนี้ราคาทองคำขึ้นมาถึงอยู่ที่ 2,060 ดอลลาร์ ขึ้นมากกว่า 1,000 ดอลลาร์ ถือว่าสูงมาก แต่ยังมองว่าราคายังสามารถขึ้นได้อีก
แต่ผมอยากจะแนะนำนักลงทุนว่า ปีนี้เมื่อถึงจุดที่พอใจกำไร ก็ให้ขายออกมา เพราะในปี 2024-2025 ถึงจุดที่ต้องเริ่มระวัง เพราะอาจจะเริ่มหมดวงรอบ ซึ่งสินค้าการลงุทนต่าง ๆ ทั่วโลกทุกอย่างมีขึ้นมีลง” คุณธีรรัฐฯ กล่าว
นั่นคือการมองในภาพใหญ่ แต่หากจะโฟกัสในภาพย่อยในปีนี้ แม้ว่าปัจจัยหนุนยังทองคำยังมีอีกมาก โดยปีนี้เรื่องหลักคือ นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ที่มีแนวโน้มว่าจะลดดอกเบี้ย แต่ต้องมาดูว่า เมื่อถึงเวลาการทำงานจริง จะสามารถลดได้ตามที่ระบุไว้ หรือจะเริ่มลดได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ เพราะตอนนี้ เฟดกำลังต่อสู้กันระหว่างเงินเฟ้อกับเรื่องเศรษฐกิจถดถอย
หากลดดอกเบี้ยเร็วเกินไป เงินเฟ้อก็อาจจะกลับมา หรือลดช้า ก็จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา เฟดทำหน้าที่ได้ดี
โดยใช้บทเรียนจากวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา มาปรับปรุงทำให้สามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ จนทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปัจจุบันยังอยู่ได้อย่างดี แม้ว่าเงินเฟ้อจะสูงแต่ก็ค่อยๆปรับลดลง จนทำให้หลายคนอมองว่าอาจจะสามารถซอฟท์แลนดิ้งได้
ที่สำคัญ ปีนี้จะมีเหตุการณ์สำคัญ ก็คือ เรื่องของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี ซึ่งในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ก็จะมีนโยบายแปลก ๆ เพื่อใช้ในการหาเสียง และจะทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวน ซึ่งนักลงทุนจะต้องจับตาใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี มองว่าโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปีนี้ก็มีความเป็นไปได้ เพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า หลังจากทีมีกระแสข่าวออกมาว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยเร็วและแรง ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแรงต่อเนื่อง และสินทรัพย์ทุกอย่างได้อานิสงค์หมด ทั้งราคาทองคำ ราคาน้ำมัน แต่ทองคำอาจจะได้ไม่มากเพราะเงินจะไหลไปตลาดหุ้น เพราะตลาดใหญ่กว่า
“ส่วนตัวมองว่า หากเฟดลดดอกเบี้ยเร็ว ราคาทองคำก็อาจจะปรับตัวขึ้นได้เร็ว แต่อาจจะไปได้ไม่ไกล เพราะไซเคิลหรือรอบการปรับขึ้นของทองคำอาจจะจบเร็วเช่นกัน เพราะราคาได้ปรับขึ้นมาหลายปีแล้ว
ในทางกลับกัน หากเฟดยังไม่รีบลดดอกเบี้ย หรือค่อย ๆ ลด อาจจะทำให้ราคาทองคำพักฐานลงมาก่อน แต่การลดดอกเบี้ยช้า ก็จะส่งผลเกิดปัญหาเศรษฐกิจถดถอย อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่อสถาบันการเงิน
ซึ่งจะเป็นเรื่องใหญ่ และจะส่งผลดีต่อราคาทองคำในระยะยาว และราคาทองคำอาจจะขึ้นรอบใหญ่ ๆ ได้อีก 1 รอบ” กรรมการผู้จัดการ อินเตอร์โกลด์ฯ กล่าว
มาดูเรื่องของเทคนิคการลงทุน จะแบ่งออกเป็น 3 กรณี
- หากเฟดลดดอกเบี้ยเร็ว ราคาทองคำอาจจะขึ้นไปแตะ 2,145 ดอลลาร์ แต่มองว่าไม่น่าจะทะลุไปได้ หรือหากไปได้ ก็อาจจะไม่ไกลมาก ซึ่งนักลงทุนอาจจะขายทำกำไร เพราะมองว่าหลังจากนั้นราคาจะกลับลงมา หรือจะเคลื่อนไหว sideway
- หากเฟดลดดอกเบี้ยตามแนวทางที่ระบุไว้ มองว่าราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่จะอยู่ในกรอบ 1,900 ถึง 2,100 ดอลลาร์ เพราะตลาดรับข่าวมาบ้างแล้ว
- เฟดไม่ลดดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ อาจจะเห็นราคาทองคำลงไปต่ำกว่า 1,900 ดอลลาร์ เพื่อรอประเด็นใหม่ที่จะเข้ามาจุดระเบิดตลาด อาจจะเป็นเรื่องของภาวะสงคราม หรือปัญหาวิกฤตสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
“แต่ความน่าจะเป็น ก็คือ แบบที่ 1 เฟดน่าจะลดดอกเบี้ยเร็ว เพราะต้องหนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทำให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และค่อยไปเสี่ยงดูว่าเงินเฟ้อจะกลับมาหรือไม่
แต่ส่วนตัวชอบแบบที่ 3 ซึ่งจะทำให้ราคาลงไปก่อนแล้วค่อยขึ้น โดยปัจจัยปีนี้ส่วนตัวมองว่า จะเป็นเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดี เพราะอาจจะเป็นต้นเรื่องหลักที่ทำให้เกิดหลายเรื่องตามมา” คุณธีรรัฐฯ กล่าว
ส่วนราคาทองคำไทย ปีนี้อาจจะเคลื่อนไหวไม่หวือหวา เพราะมองว่าเงินบาทจะอยู่ในทิศทางแข็งค่า เมื่อเฟดลดดอกเบี้ย สถาบันการลงทุนต่าง ๆ ก็ต้องหาแหล่งพักเงิน
ซึ่งราคาหุ้นในประเทศไทยปีนี้ถือว่าต่ำ และมีโอกาสสูงที่เม็ดเงินจะไหลมาที่ประเทศไทย ประกอบกับการท่องเที่ยวไทยน่าจะกลับมาดี ซึ่งจะหนุนให้เงินบาทแข็งค่า มีโอกาสไปแตะ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ราคาทองคำไทยขึ้นได้จำกัด
โดยมองว่า ในมาสแรกกรอบราคาทองไทยอาจจะอยู่ในกรอบ 32,500- 34,000 บาทกว่า ๆ คงจะไปไม่ถึง 35,000 บาท
Comments are closed.